xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยสวิงจากบวกร่วงปิดลบ 7 จุด จับตาเพดานหนี้ US ตัวเลข ศก.สิงหาคม ธปท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


    หุ้นไทยยังผันวนจัด สวิงจากแดนบวกลงแดนลบร่วม 20 จุด ก่อนปิดตลาด ลบ 7.27 จุด ที่ระดับ 1,417.49 จุด จากความกังวลปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ โบรกฯประเมินสัปดาห์หน้าระทึก ทั้งสิ้นสุด Window Dressing และการพิจารณาเพดานหนี้อเมริกา อีกทั้งจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสิงหาคมจากแบงก์ชาติ รวมถึงเข้าเทศกาลหยุดยาว (กินเจ) ของจีน แนะปรับพอร์ตเน้นหุ้นมีโอกาสทำราคาปิด (Window Dressing)  เช่น  BJC, BLA, CPALL, CPF, CPN, SIM, STEC พร้อมกลุ่มส่งออกที่แนวโน้มขยายตัว เช่น
KCE, CPF, TUF ส่วนหุ้นที่อาจติด Cash Balance คาดจะเป็นหุ้น CHO และ NIPPON

    ตลาดหุ้นไทย วันนี้ (27 ก.ย.) ปิดที่ระดับ  1,417.49 จุด ลดลง 7.27 จุด หรือ 0.51% ระหว่างวันปรับตัวสูงสุด 1,435.88 จุด และต่ำสุดที่ 1,413.51 จุด มูลค่าการซื้อขาย 31,404.05 ล้านบาท

    โดยนักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 3,493.81 ล้านบาท  นักลงทุนทั่วไป และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 1,634.87 ล้านบาท  1,094.22 ล้านบาท และ 764.72 ล้านบาท ตามลำดับ

    นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ในช่วงท้ายการซื้อขายมีแรงขายของนักลงทุนออกมาค่อนข้างมาก เนื่องจากความกังวลในเรื่องของการปรับเพดานหนี้สหรัฐฯ กรณีที่สหรัฐฯ ไม่สามารถขยับเพดานหนี้ได้ อาจทำให้มีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ

    อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ปรับฟื้นตัวขึ้นมา 55 จุด โดยได้แรงหนุนจากจำนวนการขอรับสวัสดิการว่างงานลดลง 5,000 คน เหลือ 305,000 คน สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 325,000 คน และยอดขายบ้านที่รอปิดการขายลดลงเพียง 1.6% ในเดือนสิงหาคม ดีกว่าที่คาดว่าจะลดลง 2.3% ซึ่งหากย้อนมองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวตามหุ้นอเมริกา อย่างไรก็ดี มองกรอบดัชนี SET INDEX กลับมาบวกที่ประมาณ 1,440-1,450 จุด แล้วยังมีแนวโน้มอ่อนลงได้อีกในเดือน ต.ค. จากความไม่แน่นอนของปัจจัยจากต่างประเทศเป็นหลัก ได้แก่ การประชุมของเฟดในปลายเดือนตุลาคม ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะชะลอมาตรการ QE ต่อไปหรือไม่ อีกทั้งการเจรจางบประมาณ และเพดานหนี้ของสหรัฐฯ เพราะฉะนั้นนักลงทุนควรหาจังหวะเพื่อทยอยขายทำกำไร และลดพอร์ตลงกลับไปถือเงินสดให้มากขึ้น

    ขณะเดียวกัน หุ้นที่ปรับตัวลดลงอย่างหนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีโอกาสดีดตัวกลับไปได้สูง ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น SCB, ROBINS, BGH, HEMRAJ, CK, LOXLEY, ITD ส่วนหุ้นที่ซื้อขายในรอบสั้นภายในสิ้นเดือนกันยายน ยังเน้นหุ้นมีโอกาสทำราคาปิด (Window Dressing) ได้แก่ BJC, BLA, CPALL, CPF, CPN, SIM, STEC นอกจากนี้ แนวโน้มการส่งออกที่เริ่มพลิกมาขยายตัวจะส่งผลเชิงบวกต่อบรรยากาศการลงทุนหุ้นส่งออก คือ KCE, CPF, TUF และหุ้นที่อาจติด Cash Balance จะเป็นหุ้น CHO และ NIPPON

    โดยปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า นอกเหนือจากการสิ้นสุด Window Dressing แล้ว ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนสิงหาคม ซึ่งรายงานโดยธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. จะเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ของปีว่าจะชะลอตัวลดลงมากน้อยแค่ไหน ส่วนปัจจัยต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิจารณาร่างงบประมาณ และเพดานก่อหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ รวมถึงการเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวของจีน ระหว่างวันที่ 1-7 ต.ค. โดยกรอบแนวต้านที่ 1,435-1,440 และกรอบแนวรับที่ 1,420-1,425
กำลังโหลดความคิดเห็น