ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้นเครื่องหมาย SP และ NP หลักทรัพย์ของ “บางกอกไนล่อน” เหตุผู้สอบบัญชีไม่ให้ความเชื่อมั่นต่องบการเงินของบริษัทสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2556 ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต.อาจสั่งการให้บริษัทแก้ไขงบการเงินได้ ขณะที่ BNC แจ้งผลงานไตรมาส 2 ปีนี้ขาดทุน 47.11 ล้านบาท หรือขาดทุนเพิ่มขึ้น 641%
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแจ้งว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ขึ้นเครื่องหมาย “SP” (Suspension) สั่งห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัท บางกอกไนล่อน จำกัด (มหาชน) หรือ BNC ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2556 เนื่องจาก BNC มิได้นำส่งงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2556 มายังตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด บัดนี้ BNCได้นำส่งงบการเงินฉบับดังกล่าวมายังตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว
อย่างไรก็ตาม ผู้สอบบัญชีไม่ให้ความเชื่อมั่นต่องบการเงินของบริษัททำให้ตัวเลขผลการดำเนินงาน และฐานะการเงินของบริษัทที่ปรากฏในงบการเงินอาจไม่แสดงค่าที่แท้จริงของกิจการซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อาจสั่งการให้บริษัทแก้ไขงบการเงินได้
ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงยังคงขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension) เพื่อห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของ BNC ต่อไป เพื่อให้ผู้ถือหุ้น และผู้ลงทุนมีเวลาพิจารณารายงานของผู้สอบบัญชีประกอบกับตัวเลขในงบการเงิน และหมายเหตุประกอบงบการเงินอย่างระมัดระวัง โดยจะอนุญาตให้ซื้อขายหลักทรัพย์ของ BNC พร้อมกับการขึ้นเครื่องหมาย NP(Notice Pending) ตั้งแต่การซื้อขายวันที่ 19 กันยายน 2556 จนกว่าบริษัทจะนำส่งงบการเงินฉบับแก้ไข หรือจนกว่าจะได้ข้อสรุปว่าบริษัทไม่ต้องแก้ไขงบการเงินดังกล่าว
โดยวานนี้ BNC แจ้งผลงบการเงินไตรมาส 2 ปี 2556 พบว่า บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 47.11 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนขาดทุนสุทธิ 6.36 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 40.75 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนเพิ่มขึ้น 640.72%
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแจ้งว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ขึ้นเครื่องหมาย “SP” (Suspension) สั่งห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัท บางกอกไนล่อน จำกัด (มหาชน) หรือ BNC ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2556 เนื่องจาก BNC มิได้นำส่งงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2556 มายังตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด บัดนี้ BNCได้นำส่งงบการเงินฉบับดังกล่าวมายังตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว
อย่างไรก็ตาม ผู้สอบบัญชีไม่ให้ความเชื่อมั่นต่องบการเงินของบริษัททำให้ตัวเลขผลการดำเนินงาน และฐานะการเงินของบริษัทที่ปรากฏในงบการเงินอาจไม่แสดงค่าที่แท้จริงของกิจการซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อาจสั่งการให้บริษัทแก้ไขงบการเงินได้
ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงยังคงขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension) เพื่อห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของ BNC ต่อไป เพื่อให้ผู้ถือหุ้น และผู้ลงทุนมีเวลาพิจารณารายงานของผู้สอบบัญชีประกอบกับตัวเลขในงบการเงิน และหมายเหตุประกอบงบการเงินอย่างระมัดระวัง โดยจะอนุญาตให้ซื้อขายหลักทรัพย์ของ BNC พร้อมกับการขึ้นเครื่องหมาย NP(Notice Pending) ตั้งแต่การซื้อขายวันที่ 19 กันยายน 2556 จนกว่าบริษัทจะนำส่งงบการเงินฉบับแก้ไข หรือจนกว่าจะได้ข้อสรุปว่าบริษัทไม่ต้องแก้ไขงบการเงินดังกล่าว
โดยวานนี้ BNC แจ้งผลงบการเงินไตรมาส 2 ปี 2556 พบว่า บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 47.11 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนขาดทุนสุทธิ 6.36 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 40.75 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนเพิ่มขึ้น 640.72%