“คลัง” เตรียมพร้อมเม็ดเงิน 7 หมื่นล้าน คืนผู้ถือหุ้น “วายุภักษ์” หลังปิดตัว 2 ธ.ค.นี้ ยันนักลงทุนประเภท ก. สามารถไถ่ถอนคืนกับกระทรวงการคลัง เพื่อรับเงินคืนได้ทันที เล็งคุย “ก.ล.ต.” หาช่องให้คลังถือหุ้นกองทุนเปิดได้ 100%
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หน่วยงานที่เกี่ยวกับกองทุนวายุภักษ์ ได้มีการประชุมเตรียมพร้อมการปิดกองทุนวายุภักษ์ในวันที่ 2 ธ.ค.2556 หลังจากนั้นจะเปิดเป็นกองทุนใหม่ซึ่งเป็นกองทุนเปิด ซึ่งยังไม่มีการกำหนดรายละเอียดของกองทุน แต่คาดว่าจะต้องเปิดขายหน่วยลงทุนให้แก่นักลงทุนรายย่อย
อย่างไรก็ตาม ในการปิดกองทุนวายุภักษ์ ในวันที่ 2 ธ.ค.2556 ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. หรือนักลงทุนทั่วไปสามารถมาไถ่ถอนคืนกับกระทรวงการคลังเพื่อรับเงินคืนได้ทันที โดยกองทุนได้บริหารเงินเพื่อรองรับเพื่อการไถ่ถอนไว้เรียบร้อยจำนวนทั้งหมด 7 หมื่นล้านบาท
สำหรับนักลงทุนประเภท ข. ที่เป็นกระทรวงการคลัง จะได้รับเงินคืน จำนวน 3 แสนล้านล้านบาท ซึ่งจะนำไปตั้งเป็นกองทุนวายุภักษ์กองทุนเปิดกองใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะขอผ่อนผันให้กระทรวงการคลังถือหุ้นในกองทุนทั้ง 100% ได้หรือไม่ จากเดิมที่ต้องมีผู้ถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 35 คน
อย่างไรก็ตาม หากผ่อนผันไม่ได้ก็คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะทางสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) จะประสานติดต่อหน่วยงานรัฐวิสาหกิจต่างๆ เข้ามาถือหุ้นในกองทุนให้ครบ 35 ราย และคาดว่าจะขายหน่วยลงทุนให้แก่นักลงทุนสถาบัน และรายย่อยได้อีกภายใน 1 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ กองทุนวายุภักษ์ที่จะตั้งขึ้นใหม่คาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเหมือนกองทุนวายุภักษ์ 1 ที่ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ให้จ่ายผลตอบแทนปีละไม่ต่ำกว่า 6% ซึ่งสูงกว่าเงินฝากค่อนข้างมาก
รายงานข่าวแจ้งว่า ผลการดำเนินงานของกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ในช่วงเกือบ 10 ปี พบว่าสามารถให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. หรือรายย่อยทั่วไปถึงปีละ 5.82% ขณะที่นักลงทุนประเภท ข. หรือนักลงทุนสถาบัน ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 3.82% ขณะที่มูลค่าของกองทรัพย์สินมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 10% โดยเฉพาะกองทรัพย์สินแรกที่เดิมมีจำนวน 70,000 ล้านบาท แต่ล่าสุด มีขนาดเพิ่มเป็น 3.80 แสนล้านบาท หรือเติบโต 14.96% ส่วนกองทรัพย์สินอื่นที่เดิมมีขนาด 30,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 1.87 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.75%