กรมธนารักษ์แก้เกณฑ์ขยายกรอบเวลาการเช่าที่ดินราชพัสดุจาก 30 ปี เป็น 50 ปี สร้างความมั่นใจให้นักลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ๆ หนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ
นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์ในฐานะผู้บริหารที่ราชพัสดุ ได้รับมอบนโยบายจาก นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้หาแนวทางการบริหารจัดการที่ราชพัสดุเพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจ ต้องการเข้ามาลงทุนในที่ราชพัสดุสร้างโครงการใหม่ๆ เพิ่มประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และสังคม
จากนโยบายดังกล่าว กรมธนารักษ์ ได้ประเมินปัญหาการบริหารที่ราชพัสดุที่ผ่านมาพบว่า ปัญหาหนึ่งที่เป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้นักลงทุนไม่มาลงทุนสร้างโครงการใหญ่ ลงทุนระยะยาวในที่ราชพัสดุ คือ อายุสัญญาเช่าที่ปัจจุบันกรมธนารักษ์ยังดำเนินการตามหลักเกณฑ์ทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คือ กำหนดสูงสุดไม่เกิน 30 ปี ซึ่งนักลงทุนมองว่าน้อยไป ไม่สร้างความมั่นใจที่จะลงทุนสร้างโครงการใหญ่ แต่ในขณะที่มีการประกาศใช้บังคับพระราชบัญญัติการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ.๒๕๔๒ แล้ว กฎหมายดังกล่าวตราขึ้นเพื่อรองรับการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรมในระยะยาว ให้สามารถจัดให้เช่าเกินสามสิบปีได้แต่ไม่เกินห้าสิบปี และยังสามารถที่จะตกลงกันต่อระยะเวลาการเช่าออกไปอีกได้มีกำหนดไม่เกินห้าสิบปี ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนอย่างมาก
นอกจากเรื่องอายุสัญญาเช่าแล้ว กฎหมายฉบับดังกล่าวยังกำหนดให้สิทธิการเช่าสามารถโอนสิทธิตกทอดทางมรดก ให้เช่าช่วง และใช้เป็นหลักประกันการชำระหนี้โดยการจำนองได้ นับว่าเป็นแนวทางหนึ่งที่จะสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนมาลงทุนในที่ราชพัสดุได้ จึงได้สั่งการให้ศึกษากฎหมายฉบับดังกล่าว และนำมาปรับใช้ในการบริหารที่ราชพัสดุเพื่อให้สามารถจัดให้เช่าเป็นระยะเวลา 50 ปีได้ โดยเริ่มจากโครงการที่ดี เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ สร้างรายได้ให้ประเทศ เป็นโครงการนำร่องเพื่อให้นักลงทุนมั่นใจ
“นอกจากกฎหมายฉบับดังกล่าวซึ่งนับเป็นอีกก้าวหนึ่งที่กรมธนารักษ์พยายามสร้างมิติใหม่ในการบริหารที่ราชพัสดุแล้ว ยังได้มีการสั่งการให้ศึกษาหาแนวทางอื่นๆ อีก เพื่อที่จะได้สร้างแรงจูงใจให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ โดยยึดกรอบแนวนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในการบริหารที่ราชพัสดุให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม” นายนริศกล่าว
นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์ในฐานะผู้บริหารที่ราชพัสดุ ได้รับมอบนโยบายจาก นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้หาแนวทางการบริหารจัดการที่ราชพัสดุเพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจ ต้องการเข้ามาลงทุนในที่ราชพัสดุสร้างโครงการใหม่ๆ เพิ่มประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และสังคม
จากนโยบายดังกล่าว กรมธนารักษ์ ได้ประเมินปัญหาการบริหารที่ราชพัสดุที่ผ่านมาพบว่า ปัญหาหนึ่งที่เป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้นักลงทุนไม่มาลงทุนสร้างโครงการใหญ่ ลงทุนระยะยาวในที่ราชพัสดุ คือ อายุสัญญาเช่าที่ปัจจุบันกรมธนารักษ์ยังดำเนินการตามหลักเกณฑ์ทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คือ กำหนดสูงสุดไม่เกิน 30 ปี ซึ่งนักลงทุนมองว่าน้อยไป ไม่สร้างความมั่นใจที่จะลงทุนสร้างโครงการใหญ่ แต่ในขณะที่มีการประกาศใช้บังคับพระราชบัญญัติการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ.๒๕๔๒ แล้ว กฎหมายดังกล่าวตราขึ้นเพื่อรองรับการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรมในระยะยาว ให้สามารถจัดให้เช่าเกินสามสิบปีได้แต่ไม่เกินห้าสิบปี และยังสามารถที่จะตกลงกันต่อระยะเวลาการเช่าออกไปอีกได้มีกำหนดไม่เกินห้าสิบปี ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนอย่างมาก
นอกจากเรื่องอายุสัญญาเช่าแล้ว กฎหมายฉบับดังกล่าวยังกำหนดให้สิทธิการเช่าสามารถโอนสิทธิตกทอดทางมรดก ให้เช่าช่วง และใช้เป็นหลักประกันการชำระหนี้โดยการจำนองได้ นับว่าเป็นแนวทางหนึ่งที่จะสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนมาลงทุนในที่ราชพัสดุได้ จึงได้สั่งการให้ศึกษากฎหมายฉบับดังกล่าว และนำมาปรับใช้ในการบริหารที่ราชพัสดุเพื่อให้สามารถจัดให้เช่าเป็นระยะเวลา 50 ปีได้ โดยเริ่มจากโครงการที่ดี เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ สร้างรายได้ให้ประเทศ เป็นโครงการนำร่องเพื่อให้นักลงทุนมั่นใจ
“นอกจากกฎหมายฉบับดังกล่าวซึ่งนับเป็นอีกก้าวหนึ่งที่กรมธนารักษ์พยายามสร้างมิติใหม่ในการบริหารที่ราชพัสดุแล้ว ยังได้มีการสั่งการให้ศึกษาหาแนวทางอื่นๆ อีก เพื่อที่จะได้สร้างแรงจูงใจให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ โดยยึดกรอบแนวนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในการบริหารที่ราชพัสดุให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม” นายนริศกล่าว