สมาคมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเผย 5 เดือนแรกของปีปริมาณการซื้อ-ขายคึกคัก ยอด 1.9 ล้านล้านสหรัฐ หรือ 10% เหตุท่องเที่ยวคึก แต่ครึ่งปีหลังห่วงปัจจัยการเมืองต่างประเทศกระทบ อ้อน ธปท.ผ่อนเกณฑ์ขายเงินคืนแบงก์ 80% ทุกเดือน ระบุบริหารต้นทุนยากช่วงตลาดเงินผันผวน เตือนธนบัตร3สกุลปลอมระบาด
น.ส.ชนาพร พูนทรัพย์หิรัญ นายกสมาคมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (TAFEX)ซึ่งเป็นรวมตัวกันระหว่างผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่มิใช่สถาบันการเงิน กล่าวว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 56 ยอดซื้อขายเงินตราต่างประเทศที่ผ่านผู้ประกอบการธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Money Changers: MC) มีปริมาณเพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือจาก 1.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 1.9 ล้านล้านหรียญสหรัฐ แต่ช่วงที่เหลือของปีคงต้องรอปัจจัยอื่นที่เข้ามา เช่น เหตุรุนแรงในซีเรีย ซึ่งอาจจะกระทบการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ เนื่องจากมีปริมาณนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งทำให้ปริมาณซื้อขายเงินหยวนเพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 2 ขณะที่อันดับแรก ยังเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ และอันดับที่ 3 เป็นเงินยูโร
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของธนบัตรต่างประเทศปลอมก็ยังคงมีอยู่ แต่ก็จะเปลี่ยนสกุลไปในแต่ละช่วง โดยปัจจุบัน ธนบัตรปลอมสกุลที่ระบาดอยู่จะเป็นเงินริงกิตของมาเลเซีย โดยเฉพาะในแถบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเงินรูปี ของอินเดีย ซึ่งในส่วนนี้ก็ได้เตือนให้สมาชิกมีความระมัดระวังมากขึ้น
“เรื่องแบงก์ปลอมก็มีอยู่เรื่อยๆ ตอนนี้ก็ระบาดหนักหน่อยก็ ริงกิต อินเดีย แล้วก็สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่เดี๋ยวนี้เราก็ไม่ค่อยโดนมากแล้ว เพราะมีอุปกรณ์ช่วย แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ บูทอิสระตามต่างจังหวัดที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเรา ข่าวสารอะไรต่างๆ ก็อาจไม่ได้รับ ทำให้มีความเสี่ยงมากกว่า”
นอกจากนี้ ทางสมาคมฯ ยังขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนคลายเกณฑ์ที่กำหนดให้ผู้ประกอบการต่างขายเงินตราต่างประเทศคืนให้ธนาคารพาณิชย์ในสัดส่วน 80% ในทุกๆ สิ้นเดือน เพื่อให้สามารถบริหารต้นทุนได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่เงินตราต่างประเทศผันผวน รวมถึงอยู่ระหว่างการเจรจากับสมาชิกเพื่อเพิ่มส่วนต่างระหว่างอัตราซื้อ และขายเงินตราต่างประเทศจากปัจจุบันที่อยู่ในอัตรา 5 สตางค์ เป็น 8-10 สตางค์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กๆ สามารถอยู่ได้
สำหรับแผนงานในปีนี้ สมาคมฯ ตั้งเป้าขยายจำนวนสมาชิกทั่วประเทศ จำนวน 120 ราย จากปัจจุบันที่มีสมาชิก 63 ราย พร้อมกันนั้น ได้ขยายความร่วมมือภาคเอกชนในการแลกเปลี่ยนความรู้ และร่วมมือกันในอนาคต และออกสำรวจ และศึกษาข้อมูลพื้นที่ตลาดในประเทศเพื่อนบ้านด้วย พร้อมกันนั้น ได้ดำเนินงานเพื่อพัฒนาศักยภาพ และประสิทธิภาพของบริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศให้เป็นระบบสอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยร่วมมือกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ธปท. และสมาชิก ดำเนินการปฏิบัติตามหลักตรวจสอบลูกค้า (KYC, CDD) ตามกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน
ด้านแนวโน้มตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของไทยในช่วงไตรมาสที่ 3 จะยังคงต้องเผชิญกับค่าเงินบาทที่ผันผวน แต่ด้านปริมาณแล้วก็ยังได้รับปัจัยหนุนการท่องเที่ยว การค้าขายของประเทศในภูมิภาคอาเซียน และการค้าในแถบชายแดนที่ยังขยายตัวได้ดี
