“ไพลอน” มั่นใจครึ่งปีหลังโตต่อ จากธุรกิจงานฐานรากแกร่ง บวกกับงานค่าแรงซึ่งมีมาร์จิ้นสูง หนุนงานในมือให้เติบโตสดใส จากปัจจุบันตุน Backlog อยู่แล้วที่ 1,200 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้เกือบทั้งหมด แถมอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่เพิ่มอีกประมาณ 1,200 ล้านบาท คาดมีโอกาสชนะการประมูลได้งานในครั้งนี้ประมาณ 25% “บดินทร์ แสงอารยะกุล” ส่งซิกอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เชื่อผลงานทั้งปีเติบโตสวยตามเป้าหมายรายได้ที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาทแน่นอน
นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON ผู้ประกอบการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานฐานรากชั้นนำในประเทศไทย เปิดเผยถึงแนวโน้มผลประกอบการบริษัทฯ ในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปริมาณงานก่อสร้าง และงานเสาเข็มเจาะในตลาดยังมีจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดการแข่งขันน้อยลง และทำให้บริษัทฯ สามารถเลือกรับงานได้ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนใหญ่จะเป็นงานประเภทค่าแรงซึ่งเป็นงานที่มีรายได้ไม่สูงมาก แต่มี Gross Profit Margin ที่ดีเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนผลงานในช่วงครึ่งปีหลังให้เติบโตสดใส และสนับสนุนผลงานทั้งปีให้เป็นไปตามเป้าหมายรายได้ที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาท จากปี 2555 ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,094.93 ล้านบาท
สำหรับปัจจุบัน บริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) ที่รอรับรู้รายได้อยู่แล้วที่ประมาณ 1,200 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 70% ของมูลค่างานทั้งหมด ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในปีหน้า อีกทั้งอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่เพิ่มอีกประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นงานก่อสร้างมูลค่า 500 ล้านบาท และงานฐานรากอีก 700 ล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคาดว่าจะชนะการประมูลงานในครั้งนี้ประมาณ 25% จากมูลค่างานทั้งหมด
“ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา PYLON ได้รับงานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือหนาแน่น และเตรียมรับรู้รายได้ในปีนี้เกือบทั้งหมด ประกอบกับในช่วงครึ่งปีหลังงานส่วนใหญ่เป็นงานประเภทค่าแรงซึ่งมีรายได้ไม่สูงมาก แต่มาร์จิ้นดี จึงมองว่า Backlog ในช่วงครึ่งปีหลังในแง่ของตัวเลขรายได้งานในมือที่เพิ่มขึ้นอาจไม่มากนัก แต่ Gross Profit Margin จะเป็นไปอย่างมีคุณภาพ และสนับสนุนผลงานทั้งปีให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้แน่นอน” นายบดินทร์ กล่าว
นายบดินทร์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษา และเตรียมความพร้อมการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรองรับการเปิดเสรีอาเซียน (AEC) ในปี 2558 และเพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต ในขณะเดียวกัน มองว่าการที่หน่วยงานทุกฝ่ายทั้งภาครัฐบาล และเอกชน เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ AEC ที่จะเกิดขึ้นนั้น จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการลงทุนโครงการต่างๆ ในประเทศเพิ่มขึ้น และจะสนับสนุนให้ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศคึกคัก ซึ่งเป็นอีกโอกาสสำคัญของธุรกิจงานก่อสร้าง และงานเสาเข็มเจาะให้มีแนวโน้มเติบโตที่ดีตามไปด้วย
