SPCG แจงแผนเปิดบริษัทใหม่ “SPCGC” ผนึก WHA ผุด 10 บริษัทย่อย เพิ่มความแข็งแกร่งในธุรกิจโซลาร์รูฟ ขานรับนโยบายรัฐบาล ปลุกภาค “อุตสาหกรรม-ครัวเรือน-โครงการอสังหาริมทรัพย์” เร่งผลิตไฟฟ้าบนหลังคา สร้างความมั่นคงทางพลังงาน
น.ส.วันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ถึงแผนการจัดตั้งบริษัทย่อย และการเข้าร่วมลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ระหว่าง บ.เอสพีซีจี แคปิตอล จำกัด (SPCGC) กับ บ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ตั้งบริษัทย่อยร่วมกัน 10 บริษัท โดยพุ่งเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งในการพัฒนาธุรกิจ และการขยายตลาดบริการระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคา (Solar Roof) ครอบคลุมทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมโรงงาน กลุ่มครัวเรือนที่อยู่อาศัย และกลุ่มโครงการอสังหาริมทรัพย์ ขานรับกับนโยบายรัฐบาลที่ให้การสนับสนุนโครงการโซลาร์รูฟ อย่างเต็มที่
โดยประกาศเปิดรับซื้อไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโครงการโซลาร์รูฟเข้าระบบจำหน่ายของการไฟฟ้าภายในเดือนธันวาคมนี้ เบื้องต้นรวม 200 เมกะวัตต์ สำหรับ บ.เอสพีซีจี แคปปิตอล จำกัด SPCGถือหุ้นร้อยละ 99.99 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท จำนวนหุ้น 10,000 หุ้น กรรมการ ประกอบด้วย น.ส.วันดี กุญชรยาคง และนายสมศักดิ์ กุญชรยาคง
ส่วนการร่วมทุนระหว่าง SPCGC กับ WHA นั้น เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ภายใต้ 10 บริษัทย่อย ซึ่งในแต่ละบริษัท SPCGG ถือหุ้นร้อยละ 25.01 WHA ถือหุ้นร้อยละ 74.99 แต่ละบริษัทมีทุนจดทะเบียน 100,000 บาท ประกอบด้วย บ.ดับบลิวเอชเอ เอสพีซีจี-1 จำกัด, บ.ดับบลิวเอชเอ เอสพีซีจี-2 จำกัด, บ.ดับบลิวเอชเอ เอสพีซีจี-3 จำกัด, บ.ดับบลิวเอชเอ เอสพีซีจี-4 จำกัด, บ.ดับบลิวเอชเอ เอสพีซีจี-5 จำกัด, บ.ดับบลิวเอชเอ เอสพีซีจี-6 จำกัด, บ.ดับบลิวเอชเอ เอสพีซีจี-7 จำกัด, บ.ดับบลิวเอชเอ เอสพีซีจี-8 จำกัด,บ. ดับบลิวเอชเอ เอสพีซีจี-9 จำกัด, บ.ดับบลิวเอชเอ เอสพีซีจี-10 จำกัด
โดยภายใน 10 ปีข้างหน้า รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานตั้งเป้าหมายเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์โดยรวมไม่ต่ำกว่า 2,000 เมกะวัตต์ เป็นไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคาไม่ต่ำกว่า 1,000 เมกะวัตต์
น.ส.วันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ถึงแผนการจัดตั้งบริษัทย่อย และการเข้าร่วมลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ระหว่าง บ.เอสพีซีจี แคปิตอล จำกัด (SPCGC) กับ บ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ตั้งบริษัทย่อยร่วมกัน 10 บริษัท โดยพุ่งเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งในการพัฒนาธุรกิจ และการขยายตลาดบริการระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคา (Solar Roof) ครอบคลุมทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมโรงงาน กลุ่มครัวเรือนที่อยู่อาศัย และกลุ่มโครงการอสังหาริมทรัพย์ ขานรับกับนโยบายรัฐบาลที่ให้การสนับสนุนโครงการโซลาร์รูฟ อย่างเต็มที่
โดยประกาศเปิดรับซื้อไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโครงการโซลาร์รูฟเข้าระบบจำหน่ายของการไฟฟ้าภายในเดือนธันวาคมนี้ เบื้องต้นรวม 200 เมกะวัตต์ สำหรับ บ.เอสพีซีจี แคปปิตอล จำกัด SPCGถือหุ้นร้อยละ 99.99 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท จำนวนหุ้น 10,000 หุ้น กรรมการ ประกอบด้วย น.ส.วันดี กุญชรยาคง และนายสมศักดิ์ กุญชรยาคง
ส่วนการร่วมทุนระหว่าง SPCGC กับ WHA นั้น เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ภายใต้ 10 บริษัทย่อย ซึ่งในแต่ละบริษัท SPCGG ถือหุ้นร้อยละ 25.01 WHA ถือหุ้นร้อยละ 74.99 แต่ละบริษัทมีทุนจดทะเบียน 100,000 บาท ประกอบด้วย บ.ดับบลิวเอชเอ เอสพีซีจี-1 จำกัด, บ.ดับบลิวเอชเอ เอสพีซีจี-2 จำกัด, บ.ดับบลิวเอชเอ เอสพีซีจี-3 จำกัด, บ.ดับบลิวเอชเอ เอสพีซีจี-4 จำกัด, บ.ดับบลิวเอชเอ เอสพีซีจี-5 จำกัด, บ.ดับบลิวเอชเอ เอสพีซีจี-6 จำกัด, บ.ดับบลิวเอชเอ เอสพีซีจี-7 จำกัด, บ.ดับบลิวเอชเอ เอสพีซีจี-8 จำกัด,บ. ดับบลิวเอชเอ เอสพีซีจี-9 จำกัด, บ.ดับบลิวเอชเอ เอสพีซีจี-10 จำกัด
โดยภายใน 10 ปีข้างหน้า รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานตั้งเป้าหมายเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์โดยรวมไม่ต่ำกว่า 2,000 เมกะวัตต์ เป็นไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคาไม่ต่ำกว่า 1,000 เมกะวัตต์