เข้าสู่ช่วงอันตราย
ประเดิมรับสัปดาห์ใหม่ หุ้นทรุดอย่างถล่มทลายเหนือจากความคาดหมายของทุกฝ่าย เนื่องจากมีข่าวร้ายชิ้นใหญ่เข้ามากระทบ สภาพัฒนาเศรษฐกิจ ประกาศปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้เหลือ 3.8%-4.2% ทำให้เกิดแรงขายทะลักเข้ามาตั้งแต่เปิดตลาด ดัชนีไหลลงต่อเนื่องจนหลุดระดับ 1,400 จุด และมีแนวโน้มว่าจะทรุดตัวลงอีก จนหวั่นไหวกันว่าตลาดอาจลงไปสร้างจุดต่ำสุดใหม่ได้
ดัชนีวันนี้ปิดที่ 1,398.48 จุด ลดลง 47.28 จุด มูลค่าซื้อขาย 45,514 ล้านบาท ต่างชาติขาย3,623 ล้านบาท
ดัชนีที่หัวทิ่มลงมาเกิดจากปัจจัยภายในทั้งสิ้น โดยการปรับลดประมาณการจีดีพีลงสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจอยู่ในภาวะที่ย่ำแย่ และครึ่งปีหลังมีแนวโน้มซบเซาขนาดหนัก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการสร้างผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน นอกจากนั้น สถานการณ์การเมืองยังสับสนวุ่นวาย เพราะรัฐบาลยังเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ และผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ขณะที่กระแสต่อต้านแรงหนักขึ้น นักลงทุนจึงหวั่นกลัวผลกระทบ และพากันเทขายหุ้นทิ้ง โดยเฉพาะนักลงทุนประเภทสถาบันทั้งใน และต่างประเทศ
ส่วนนักลงทุนรายย่อยอาจเห็นว่า ดัชนีทรุดลงมาก และเห็นเป็นโอกาสช้อนซื้อจึงแห่เข้ามาซื้อเพื่อดักเก็งกำไรระยะสั้น แต่นักลงทุนอาจคาดหมายผิด เพราะถ้าไม่มีข่าวดีเข้ามาสนับสนุนหุ้นคงไม่สามารถดีดกลับแรงได้ และหากมีปัจจัยลบซ้ำเติมคงจะปรับตัวลงต่อ หรือถ้าไม่มีข่าวดี และข่าวร้ายตลาดก็มีแนวโน้มซบเซาต่อเนื่องอีกพักใหญ่ เพราะการเมืองคงไม่จบง่าย
ประเมินแล้วภาวะตลาดไม่น่าจะสดใสนัก และยังไม่ใช่เวลาเก็บหุ้นเพราะแนวโน้มใหญ่ยังเป็นขาลงอยู่ แต่ก็เร็วเกินไปที่จะระบุว่าจะได้เห็นจุดต่ำสุดใหม่ บอกได้แต่เพียงว่าแนวโน้มหุ้นยังลงได้อีก
ประเดิมรับสัปดาห์ใหม่ หุ้นทรุดอย่างถล่มทลายเหนือจากความคาดหมายของทุกฝ่าย เนื่องจากมีข่าวร้ายชิ้นใหญ่เข้ามากระทบ สภาพัฒนาเศรษฐกิจ ประกาศปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้เหลือ 3.8%-4.2% ทำให้เกิดแรงขายทะลักเข้ามาตั้งแต่เปิดตลาด ดัชนีไหลลงต่อเนื่องจนหลุดระดับ 1,400 จุด และมีแนวโน้มว่าจะทรุดตัวลงอีก จนหวั่นไหวกันว่าตลาดอาจลงไปสร้างจุดต่ำสุดใหม่ได้
ดัชนีวันนี้ปิดที่ 1,398.48 จุด ลดลง 47.28 จุด มูลค่าซื้อขาย 45,514 ล้านบาท ต่างชาติขาย3,623 ล้านบาท
ดัชนีที่หัวทิ่มลงมาเกิดจากปัจจัยภายในทั้งสิ้น โดยการปรับลดประมาณการจีดีพีลงสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจอยู่ในภาวะที่ย่ำแย่ และครึ่งปีหลังมีแนวโน้มซบเซาขนาดหนัก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการสร้างผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน นอกจากนั้น สถานการณ์การเมืองยังสับสนวุ่นวาย เพราะรัฐบาลยังเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ และผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ขณะที่กระแสต่อต้านแรงหนักขึ้น นักลงทุนจึงหวั่นกลัวผลกระทบ และพากันเทขายหุ้นทิ้ง โดยเฉพาะนักลงทุนประเภทสถาบันทั้งใน และต่างประเทศ
ส่วนนักลงทุนรายย่อยอาจเห็นว่า ดัชนีทรุดลงมาก และเห็นเป็นโอกาสช้อนซื้อจึงแห่เข้ามาซื้อเพื่อดักเก็งกำไรระยะสั้น แต่นักลงทุนอาจคาดหมายผิด เพราะถ้าไม่มีข่าวดีเข้ามาสนับสนุนหุ้นคงไม่สามารถดีดกลับแรงได้ และหากมีปัจจัยลบซ้ำเติมคงจะปรับตัวลงต่อ หรือถ้าไม่มีข่าวดี และข่าวร้ายตลาดก็มีแนวโน้มซบเซาต่อเนื่องอีกพักใหญ่ เพราะการเมืองคงไม่จบง่าย
ประเมินแล้วภาวะตลาดไม่น่าจะสดใสนัก และยังไม่ใช่เวลาเก็บหุ้นเพราะแนวโน้มใหญ่ยังเป็นขาลงอยู่ แต่ก็เร็วเกินไปที่จะระบุว่าจะได้เห็นจุดต่ำสุดใหม่ บอกได้แต่เพียงว่าแนวโน้มหุ้นยังลงได้อีก