เฝ้าต่อไป
ตลาดหุ้นส่งท้ายสัปดาห์บรรยากาศซื้อขายเงียบเหงาตามความคาดหมาย และแม้ดัชนีจะถอยหลังลงเล็กน้อย แต่ถือว่าปรับตัวน้อยเหนือความคาดหมาย เพราะก่อนเปิดตลาดคาดว่าดัชนีน่าจะทรุดเกินกว่า 10 จุด เนื่องจากตลาดหุ้นยุโรป และสหรัฐฯ คืนวันพฤหัสฯลงแรง แต่ตลาดหุ้นย่านเอเชียไม่สั่นไหวมากนัก ตลาดหุ้นไทยจึงไม่มีปฏิกิริยาตอบรับกับหุ้นยุโรป และสหรัฐฯ ในแง่ลบเกินไป แต่การทรุดตัวน่าจะเกิดจากปัจจัยการเมืองในประเทศมากกว่า
ดัชนีวันศุกร์ปิดที่ 1,446.76 จุด ลดลง 7.31 จุด มูลค่าซื้อขายทั้งสิ้น 38,084 ล้านบาท ต่างชาติขาย 927 ล้านบาท
สถานการณแวดล้อมตลาดหุ้นไมมีอะไรเปลี่ยน เพียงแต่สัปดาห์หน้ามี พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้นล้านบาทให้ลุ้น เพราะถ้าผ่านหมายถึงมาตรการกระตุ้นการลงทุนของรัฐบาลจะเดินหน้าได้ ซึ่งจะส่งผลจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นหลายกลุ่ม และภาพตลาดโดยรวม แต่ถ้ายังมีปัญหาก็จะเป็นผลกระทบทางลบ นอกจากนั้น ยังมีการขับเคลื่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าพิจารณาในสภาซึ่งถือเป็นปัจจัยด้านลบ รวมทั้ง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่อาจจุดชนวนความขัดแย้งรอบใหม่
ดังนั้น ตลาดหุ้นยังตกอยู่ในแรงกดแดนทางการเมืองต่อไป และทำให้ไม่สามารถกลับสูความคึกคักได้ เพราะข่าวดีจากภายนอกไม่มี และความกังวลในเรื่องการลดวงเงินอัดฉีดตามมาตรการคิวอีของสหรัฐฯ ก็ยังมีอยู่ ส่วนความเคลื่อนไหวภายในมีแต่ข่าวร้าย แนวโน้มหุ้นจึงถูกประเมินไม่สดใสนักตลอดเดือนสิงหาคม และยังกลัวว่าจะเกิดความผันผวนได้จึงไม่ค่อยมีคำแนะนำให้ซื้อ
มีแต่คำแนะนำให้เฝ้ารอประเมินสถานการณ์ต่อไป เพราะช่วงนี้คงทำอะไรไม่ได้ และการเฝ่ารอน่าจะเป็นยุทธวิธีที่ดีที่สุด
ตลาดหุ้นส่งท้ายสัปดาห์บรรยากาศซื้อขายเงียบเหงาตามความคาดหมาย และแม้ดัชนีจะถอยหลังลงเล็กน้อย แต่ถือว่าปรับตัวน้อยเหนือความคาดหมาย เพราะก่อนเปิดตลาดคาดว่าดัชนีน่าจะทรุดเกินกว่า 10 จุด เนื่องจากตลาดหุ้นยุโรป และสหรัฐฯ คืนวันพฤหัสฯลงแรง แต่ตลาดหุ้นย่านเอเชียไม่สั่นไหวมากนัก ตลาดหุ้นไทยจึงไม่มีปฏิกิริยาตอบรับกับหุ้นยุโรป และสหรัฐฯ ในแง่ลบเกินไป แต่การทรุดตัวน่าจะเกิดจากปัจจัยการเมืองในประเทศมากกว่า
ดัชนีวันศุกร์ปิดที่ 1,446.76 จุด ลดลง 7.31 จุด มูลค่าซื้อขายทั้งสิ้น 38,084 ล้านบาท ต่างชาติขาย 927 ล้านบาท
สถานการณแวดล้อมตลาดหุ้นไมมีอะไรเปลี่ยน เพียงแต่สัปดาห์หน้ามี พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้นล้านบาทให้ลุ้น เพราะถ้าผ่านหมายถึงมาตรการกระตุ้นการลงทุนของรัฐบาลจะเดินหน้าได้ ซึ่งจะส่งผลจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นหลายกลุ่ม และภาพตลาดโดยรวม แต่ถ้ายังมีปัญหาก็จะเป็นผลกระทบทางลบ นอกจากนั้น ยังมีการขับเคลื่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าพิจารณาในสภาซึ่งถือเป็นปัจจัยด้านลบ รวมทั้ง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่อาจจุดชนวนความขัดแย้งรอบใหม่
ดังนั้น ตลาดหุ้นยังตกอยู่ในแรงกดแดนทางการเมืองต่อไป และทำให้ไม่สามารถกลับสูความคึกคักได้ เพราะข่าวดีจากภายนอกไม่มี และความกังวลในเรื่องการลดวงเงินอัดฉีดตามมาตรการคิวอีของสหรัฐฯ ก็ยังมีอยู่ ส่วนความเคลื่อนไหวภายในมีแต่ข่าวร้าย แนวโน้มหุ้นจึงถูกประเมินไม่สดใสนักตลอดเดือนสิงหาคม และยังกลัวว่าจะเกิดความผันผวนได้จึงไม่ค่อยมีคำแนะนำให้ซื้อ
มีแต่คำแนะนำให้เฝ้ารอประเมินสถานการณ์ต่อไป เพราะช่วงนี้คงทำอะไรไม่ได้ และการเฝ่ารอน่าจะเป็นยุทธวิธีที่ดีที่สุด