“ปลัดคลัง” ยืนยันสถาบันการเงินยังแข็งแกร่ง และยังคงมีศักยภาพในการทำกำไรสูง ยันเร่งแก้ปัญหา “เอสเอ็มอีแบงก์-ไอแบงก์” เสร็จก่อนเปิด “เออีซี” เพราะอาจกระทบความเชื่อมั่น
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง การคุ้มครองเงินฝาก และการกำกับดูแลสถาบันการเงิน โดยระบุว่า สถาบันคุ้มครองเงินฝากขณะนี้ได้จัดตั้งขึ้น และมียอดการคุ้มครองต่อบัญชีอยู่ที่ 50 ล้านบาท แต่ในปี 2559 นี้ จะมีการทยอยปรับลดวงเงินการคุ้มครองลง เหลือเพียง 1 ล้านบาทต่อบัญชี ซึ่งในปัจจุบันมี 63 ล้านบัญชี หรือคิดเป็นร้อยละ 98 ของบัญชีทั้งหมดในระบบ ดังนั้น จึงคุ้มครองได้เกือบทั้งหมด ซึ่งทางสถาบันคุ้มครองเงินฝากจะได้รับเงินสมทบจากสถาบันการเงินมากกว่า 1 แสนล้านบาท แต่ในระยะต่อไปนั้นควรพิจารณาให้มีความจำเป็นในการปรับลดอัตราเงิน รวมไปถึงการดูแลว่า ควรจะมีระบบเงินหมุนเวียนเท่าไหร่ ถึงจะเพียงพอต่อการรองรับ และดูแลระบบสถาบันการเงิน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความมั่นคงของสถาบันการเงินซึ่งหากดูได้จากตัวเลขในปัจจุบัน ระบบสถาบันการเงินมีความเข้มแข็งมาก และยังคงมีศักยภาพในการทำกำไรสูง ฉะนั้น การดูแลในระยะต่อไปน่าจะดูแลเรื่องความมั่นคงในอนาคต
โดยในส่วนของธนาคารภาครัฐ ที่ทางกระทรวงการคลังทำหน้าที่กำกับดูแลอยู่นั้น แม้ในปัจจุบันจะมี 2 ธนาคารที่มีปัญหา คือ ธนาคารอิสลาม (ibank) และธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) ทางภาครัฐจะเร่งพยายามแก้ไขฟื้นฟูให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว และจะมีการกำกับดูแลธนาคารรัฐอื่นๆ ไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในอนาคต เนื่องจากการเปิดเสรีอาเซียน หรือ AEC ทำให้มีคนสนใจเข้ามาลงทุนเพื่อรองรับการเปิดเสรีมากขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะมีผลกระทบต่อการปรับตัวของภาคสถาบันการเงินในระยะต่อไปค่อนข้างมาก จึงต้องมีการดำเนินการ และวางแผนให้รอบคอบ