หุ้นไทยปิดลบ 16.57 จุด อยู่ที่ระดับ 1,420.94 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 37,950.67 ล้านบาท นักลงทุนหวั่นสถานการณ์ชุมนุมการเมืองยืดเยื้อ
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (2 ส.ค.) ปิดที่ระดับ 1,420.94 จุด ปรับตัวลดลง 16.57 จุด หรือ -1.15% มูลค่าการซื้อขาย 37,950.67 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,442.17 จุด และลดลงต่ำสุดที่ 1,408.57 จุด ภาพรวมดัชนีหลักทรัพย์ร่วงลงแรงจากนักลงทุนต่างประเทศ และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์หวั่นความรุนแรงทางการเมืองร่วมกันเทกระจาดขายออกกว่า 3,094.33 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้น จำนวน 135 หลักทรัพย์ ลดลง 573 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 119 หลักทรัพย์
การซื้อขายสุทธิแยกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 1,827.08 ล้านบาท สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1,267.24 ล้านบาท ในขณะที่บัญชีบริษัทหลักหลักทรัพย์ (บล.) ขายสุทธิ 1,451.51 ล้านบาท และนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,642.82 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
ADVANC ปิดที่ 282.00 บาท ลดลง 5.00 บาท (-1.74%) มูลค่าการซื้อขาย2,193 ล้านบาท
JAS ปิดที่ 8.20 บาท ลดลง 0.15 บาท (1.80%) มูลค่าการซื้อขาย 2,149 ล้านบาท
TRUE ปิดที่ 7.80 บาท ลดลง 0.35 บาท (4.29%) มูลค่าการซื้อขาย 2,111 ล้านบาท
INTUCH ปิดที่ 88.50 บาท ลดลง 1.75 บาท (1.94%) มูลค่าการซื้อขาย 2,040 ล้านบาท
CPALL ปิดที่ 34.00 ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 1,509 ล้านบาท
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า จากสถานการณ์ความกังวลต่อเหตุรุนแรงทางการเมืองที่จะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมในการเริ่มเปิดประชุมสภาในสัปดาห์หน้า ประกอบกับมีการประกาศของ ศอ.รส. ส่งผลให้เปิดตลาดเช้านี้ นักลงทุนเกิดแรงเทขายอย่างต่อเนื่อง เพราะหลายฝ่ายยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ดี แนวโน้มของการชุมนุมคาดว่าจะปักหลักยืดเยื้อยาวนานไปจนถึงวันที่ 7 สิงหาคม ซึ่งประเด็นสำคัญที่หลายฝ่ายจับตามองคือ การเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในวาระที่ 1 ซึ่งคาดว่าหลังจากผ่านพ้นวันที่ 7 ไปแล้วสถานการณ์น่าจะเริ่มดีขึ้น โดยอาจจะส่งผลเพียงระยะสั้นเท่านั้น ทั้งนี้ คาดว่าทางฝ่ายรัฐบาลจะพยายามที่จะผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมในวาระแรกให้ผ่านทันทีในวันที่ 7 ส.ค.
ทั้งนี้ ในส่วนความกังวลของนักลงทุนต่อหุ้นของ PTTGC เริ่มคลายความวิตกกังวลไปได้ในระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงในระยะแรกเริ่มดีดตัวกลับขึ้นมา แต่ก็ยังคงผันผวนไปตามกระแสข่าวเนื่องจากยังไม่สามารถสรุปมูลค่าความเสียหายต่อทรัพย์สิน ซึ่งอาจไม่กระทบต่อผลประกอบการและกำไรของบริษัทฯ มากนัก แต่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ และคาดว่าน่าจะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีกันยาวนาน โดยภาพรวมแล้วราคาหุ้นของ PTTGC ยังคงอ้างอิงอยู่ในเกณฑ์ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก ทั้งนี้ ถ้าหากราคาหุ้นปรับตัวลดลงกว่านี้ แนะนำว่านักลงทุนน่าจะมีจังหวะเข้าไปซื้อได้
“ในส่วนของสัปดาห์หน้า หุ้นที่จะประกาศงบ และจ่ายปันผล KCE, LPN, BAFS ซึ่งหุ้นทั้ง 3 ตัวนี้คาดว่างบไตรมาส 2 จะออกมาดี และจะมีจ่ายปันผลด้วย”
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันจันทร์หน้า (5 ส.ค.) คาดว่าแนวรับดัชนี SET INDEX จะอยู่ที่ประมาณ 1,400-1,405 จุด ส่วนแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,435-1,400 จุด ทั้งนี้ นักลงทุนควรจับตาสถานการณ์การชุมนุมอย่างใกล้ชิดเพราะถ้าหากไม่สามารถควบคุมการชุมนุมได้ อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจากการประกาศระวังอันตรายถึงนักท่องเที่ยวที่มายังประเทศไทยของสถานทูตต่างๆทั้วโลก