ลูกสาวสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เดินเครื่องลุยธุรกิจอสังหาฯ ภายใต้บริษัท “พราว เรียลเอสเตท” ปี 56 ลงทุน 2-3 โครงการ ทั้งในหัวหิน-กทม. ล่าสุด งัดแลนด์แบงก์หัวหินผุดโรงแรม คอนโดฯ พร้อมเปิดตัวสวนน้ำ “นาวา วานา” ตั้งเป้านักท่องเที่ยว 5 แสนคน/ปี
น.ส.พราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พราว เรียลเอสเตท จำกัด (ลูกสาวนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) เปิดเผยว่าภายหลังประสบความสำเร็จจากการพัฒนาโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท ในปี2552 โดยมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 70% และโครงการ “บลูพอร์ท” (BlúPort) รีสอร์ตมอลล์แห่งแรกในหัวหิน เมื่อปี 2555 ซึ่งมีกระแสตอบรับที่ดีมาก
จากความสำเร็จดังกล่าว ทำให้บริษัทมีแผนที่จะเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่องทุกเซกเมนต์ ทั้งที่อยู่อาศัย โรงแรม และรีเทล โดยจะเน้นพัฒนาโครงการในรูปแบบมิกซ์ยูส ซึ่งปีนี้มีแผนจะลงทุน 2-3 โครงการ ในกรุงเทพฯ และหัวหิน ทั้งในรูปแบบของการพัฒนาเอง และร่วมทุนกับพันธมิตร โดยมีที่ดินรองรับแล้วทั้งหมด
“การลงทุนของเราจะเน้นในจังหวัดที่เป็นหัวเมืองท่องเที่ยว และเน้นรูปแบบมิกซ์ยูส ซึ่งต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นที่เน้นโครงการเพื่อการอยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว ซึ่งแม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะอยู่ในภาวะชะลอตัว บริษัทก็จะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะมีการกระจายการลงทุนไปในทุกเซกเมนต์”
แหล่งข่าวระบุว่า หนึ่งในจำนวนโครงการที่จะลงทุนในปีนี้คาดว่าจะเป็นโครงการร่วมทุนระหว่างนายธงชัย บุศราพันธ์ อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) โดยตั้งบริษัทใหม่ในการพัฒนาคอนโดมิเนียม ย่านสุขุมวิท 22 จำนวน 5 อาคาร สูง 30 และ 50 ชั้น รวมกว่า 2,000 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 4.5 แสนบาทขึ้นไป มูลค่าประมาณ 5,000-6,000ล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวประมาณเดือนกันยายนนี้
ล่าสุด พราว เรียลเอสเตทฯ ได้ลงทุนพัมนาที่ดินขนาด 35 ไร่ ในทำเลหัวหิน ซี่งเป็นที่ดินสะสมของบริษัทโดยแบ่งการพัฒนาเป็น 3 เฟส คือ 1.สวนน้ำวานา นาวา หัวหิน บนเนื้อที่ 20 ไร่ พัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ Water Jungle โดยร่วมมือกับ บริษัท ไวท์วอเตอร์เวสท์ อินดัสทรีส์ บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตอุปกรณ์ และเครื่องเล่นสวนน้ำอันดับ 1 ของโลก จากประเทศแคนาดามาเป็นผู้ออกแบบ โดยนำนวัตกรรม และอุปกรณ์ที่ใช้ในการสร้างสวนน้ำคุณภาพระดับสูงสุดมาใช้กับสวนน้ำวานา นาวา ทั้งนี้ วอเตอร์ จังเกิ้ลฯ มีประสบการณ์ในการสร้างสรรค์โครงการสวนน้ำมาแล้วกว่า 5,000 โครงการทั่วโลก
สำหรับการลงทุนในเฟสแรกนี้มีมูลค่าโครงการประมาณ 800-900 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินลงทุน 750 ล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนจากธนาคารไทยพาณิชย์ ในสัดส่วนประมาณ 60-70% ส่วนที่เหลือเป็นมูลค่าที่ดินขณะนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จ และเปิดให้บริการได้ในปี 2557 ในเบื้องต้น ได้ตั้งราคาบัตรไว้ที่ประมาณ 600-1,000 บาท และตั้งเป้ามีลูกค้าเข้าใช้บริการ 500,000 คน/ปี
ส่วนเฟสที่ 2 โรงแรมในเครือ อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุ๊ป ขนาด 3-4 ดาว จำนวน 400 ห้อง มูลค่าการลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปี 2559 และ 3.คอนโดมิเนียม จำนวน 400 ยูนิต จำนวน 1-2 อาคาร ขณะนี้อยู่ในระหว่างการออกแบบ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2560
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าหลังจากที่เปิดให้บริการสวนน้ำ จะมีความชัดเจนในเรื่องรายได้มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีรายได้ส่วนใหญ่จากธุรกิจให้เช่า เชื่อว่าหลังจากเปิดขายคอนโดฯ สัดส่วนรายได้จะเปลี่ยนเป็นทั้งจากการให้เช่า และการขายเป็น 50 : 50