“ไทยโพลีคอนส์” เดินเครื่องขยายธุรกิจเต็มสูบ!! ล่าสุด กวาดโครงการใหม่ “เซ็นทรัล สมุย”
มูลค่า 520 ล้านบาท เพื่อดำเนินการงานโครงสร้าง สถาปัตยกรรม และตกแต่งภายใน และโครงการอาคารโรงพยาบาล
คณะแพทยศาสตร์ ม.นราธิวาสฯ ระยะที่ 2 มูลค่า 182.5 ล้านบาท ผู้บริหารเผยความสำเร็จครั้งนี้แสดงถึงศักยภาพของ
TPOLY ในการรับงานขนาดใหญ่ ดัน Backlog ทะลุเป้าเดิมที่ตั้งไว้ 3,400 ล้านบาท พร้อมปรับเป้าเป็น 4,000 ล้านบาท
สอดรับกับแผนงานปีนี้ที่จะประมูลงานใหญ่อีกกว่า 8,000 ล้านบาท หนุนรายได้ปีนี้เติบโตขึ้น 15-20% และวางแผน
พัฒนาโครงการอสังหาฯ เพิ่ม
นายไชยณรงค์ จันทร์พลังศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPOLY เปิดเผยว่า จากแผนงานของบริษัทฯ ในปีนี้ที่จะรับงานขนาดใหญ่มากขึ้นในส่วนของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ล่าสุด บริษัทฯ ได้รับพิจารณาจัดเลือกจากบริษัท เซ็นทรัลเวิลด์ จำกัด ให้เป็นผู้รับจ้างดำเนินการงานโครงสร้างสถาปัตยกรรม และตกแต่งภายใน โครงการ เซ็นทรัล สมุย มูลค่างาน 520 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้างเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2556 ถึงวันที่ 27 มีนาคม 2557 รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 300 วัน และมหาวิทยาลัยนราธิวาสฯ ให้เป็นผู้รับจ้างดำเนินการงานโครงสร้างสถาปัตยกรรม และตกแต่งภายใน โครงการอาคารโรงพยาบาลคณะแพทยศาสตร์ ม.นราธิวาสฯ ระยะที่ 2 มูลค่างาน 182.55 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้างเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2556 ถึงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 850 วัน
“TPOLY ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มเซ็นทรัล และ ม.นราธิวาสฯ ด้วยดีตลอดมา ความสำเร็จจากการกวาดโครงการใหม่ครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ TPOLY ในการรับงานขนาดใหญ่ในส่วนของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างให้เป็นที่ประจักษ์มากยิ่งขึ้น เนื่องจากโครงการ เซ็นทรัล สมุย และม.นราธิวาสฯ ถือได้ว่าเป็นศูนย์การค้าโมเดิร์นเทรด และมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงของภาคใต้ ส่งผลให้ TPOLY มีปริมาณงานในมือ (Backlog) ทะลุตามเป้าหมายปีนี้ที่ตั้งไว้ที่ 3,400 ล้านบาท โดยปัจจุบันทำได้แล้ว 3,600 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับปริมาณงานในมือเป้าหมายในสิ้นปี 2556 เพิ่มขึ้นเป็น 4,000 ล้านบาท สอดคล้องกับแผนงานบริษัทฯ ที่จะรับงานขนาดใหญ่ และการเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการต้นทุนเพื่อเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นให้สูงขึ้น โดยปีนี้ได้วางแผนร่วมประมูลงานใหญ่อีกกว่า 8,000 ล้านบาท คาดว่ามีโอกาสที่จะได้รับงานประมาณ 30% โดยตั้งเป้ารายได้เติบโตขึ้นจากปีก่อนประมาณ 15-20%”
นายไชยณรงค์ กล่าวต่อว่า บริษัทมีความเชี่ยวชาญในด้านของการมุ่งเน้นภาคส่วนของตลาด (Focus Strategy) โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยมุ่งเน้นพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานทั้งในส่วนของการก่อสร้าง และลดต้นทุน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยความสำเร็จของบริษัทฯ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ ความเชื่อมั่นในศักยภาพ แนวทาง และจริยธรรมในการทำธุรกิจซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทฯ สะสมมาเป็นระยะเวลายาวนาน บริษัทมีแผนที่จะรับงานขนาดใหญ่ทั้งลูกค้าภาครัฐ และเอกชน ซึ่งปัจจุบันมีความพร้อมอย่างเต็มที่ โดยตั้งเป้าสัดส่วนลูกค้าภาครัฐประมาณ 49% และภาคเอกชน 51%
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนขยายการลงทุนมากขึ้นต่อเนื่องในธุรกิจพลังงาน สอดคล้องกับเป้าหมายระยะสั้นของบริษัทฯ ที่ต้องการมีโรงไฟฟ้า 100MW ภายในระยะเวลา 3 ปี และ 150MW ภายในระยะเวลา 5 ปี โดยอนาคตวางเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำทางด้านโรงไฟฟ้าชีวมวล ได้เริ่มศึกษาโรงไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศลาวอีก 2 โครงการ มีกำลังการผลิตทั้งสิ้นประมาณ 80-100 เมกะวัตต์
