ประชานิยมรถคันแรกพ่นพิษ ส.ธุรกิจเช่าซื้อ เผยมีรถถูกไฟแนนซ์ยึดแล้วเกือบ 300 คัน ยอมรับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น คาดต้องรอดูความชัดเจนอีก 2-3 เดือน
นายอนุชาติ ดีประเสริฐ ประธานสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย เปิดเผยว่า จากข้อมูลของกรมสรรพสามิต มีผู้ขอใช้สิทธิรถยนต์คันแรกจำนวน 1.2 ล้านคัน และคาดว่าจะยกเลิกการใช้สิทธิไม่ต่ำกว่า 20-30% ทำให้เหลือยอดผู้ใช้สิทธิรถยนต์คันแรกเพียง 8-9 แสนคันเท่านั้น แต่ในขณะนี้ยังพบว่ามีลูกค้าที่ได้รับเงินตามสิทธิรถยนต์คันแรกไปแล้ว และเป็นลูกค้าที่ผิดนัดชำระหนี้กับสถาบันการเงิน ทำให้ถูกยึดรถไปแล้วเกือบ 300 คัน
“ขณะนี้รถยนต์ที่ถูกยึดมาเกือบ 300 คันนั้น ยังไม่ได้มีการแยกกลุ่มอาชีพ และยังไม่ได้ประเมินว่าสาเหตุหลักๆ มาจากปัจจัยอะไร แต่เมื่อลูกค้าไม่สามารถส่งค่างวดรถไม่ว่าด้วยกรณีใดๆ สถาบันการเงินก็ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทั่วไป เช่น ต้องตั้งสำรองตามลำดับชั้นของลูกหนี้ เหมือนกับการปล่อยสินเชื่อทั่วๆ ไป และในจำนวนนี้ก็กระจายไปอยู่กับหลายสถาบันการเงินด้วยกัน สำหรับของธนชาตก็มีอยู่ประมาณ 20 คัน”
นายอนุชาติ กล่าวว่า สถาบันการเงินกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการตามกระบวนการขอยกเลิกการถือครองรถ 5 ปี กับกรมสรรพสามิต ตามกระบวนการแล้ว ลูกค้าต้องนำเงินที่ได้รับสิทธิไปคืนให้กรมสรรพามิตทั้งจำนวน ส่วนสถาบันการเงินนำรถออกมาประมูลขายทอดตลาด และต้องดูอีกว่าได้ราคาเท่าไหร่จะเท่ากับมูลหนี้ที่เหลือหรือไม่ หาไม่พอกับมูลหนี้ที่เหลืออยู่กับสถาบันการเงิน ก็ต้องเรียกเก็บหนี้ส่วนที่เหลือจากลูกค้า หรือลูกหนี้ และหากลูกหนี้ไม่จ่ายก็ต้องดำเนินการฟ้องร้องตามกระบวนทางกฎหมาย ส่วนเงินคืนตามสิทธิหากลูกค้าไม่คืนให้กรมสรรพสามิตนั้นไม่เกี่ยวกับสถาบันการเงิน
ทั้งนี้ หน้าที่ของสมาคมฯ ในตอนนี้คือ เป็นตัวกลางในการประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะกรมสรรพสามิต เพื่อให้กระบวนการยกเลิกการใช้สิทธิครอบครอง 5 ปี ให้มีกระบวนการที่รวดเร็วขึ้น เข้าใจว่าอาจจะติดขัดในบางเรื่อง จึงทำให้เกิดความล่าช้า อย่างไรก็ตาม จำนวนรถที่ยึดมานั้นถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนคนที่ลงทะเบียนขอใช้สิทธิรถยนต์คันแรก และมองว่ามีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นอีก แต่เพิ่มในอัตราที่สถาบันการเงินไม่ได้กังวล เพราะถือว่าเป็นอัตราที่น้อย อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูความชัดเจนอีก 2-3 เดือน