xs
xsm
sm
md
lg

“วศิน” เผยรัฐทำหนี้ครัวเรือนพุ่ง จับตาครึ่งปีหลังตลาดทุนผันผวนต่อเนื่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.บัวหลวง คาดครึ่งปีหลัง ศก.ไทยหดตัวจากเม็ดเงินลงทุนไหลออกจากมาตรการ QE และหนี้ครัวเรือนในประเทศพุ่งสูงขึ้นจากนโยบายเศรษฐกิจ และตลาดทุน และอัตราแลกเปลี่ยนยังคงผันผวนต่อเนื่อง แนะรัฐควรให้ความสำคัญเสถียรภาพโครงสร้างเศรษฐกิจทั้งระบบ

นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงเล็กน้อย และคาดว่าทั้งปีจะขยายตัวในอัตราเฉลี่ย 4-5% โดยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกมากกว่า เห็นได้ชัดเจนที่สุดจากการลงทุนในหลักทรัพย์ และอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังคงผันผวน และยังมีเงินทุนที่ไหลเข้าและออกประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

แต่อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจภายในประเทศไทยยังแข็งแกร่ง  แม้การบริโภคของภาคเอกชนและประชาชนยังมีอยู่แต่จะเป็นอัตราที่ลดลง จากปัญหาค่าครองชีพที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และปัญหาหนี้ครัวเรือนต่อหัวมีปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องมีมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้มีโครงสร้างที่แข็งแรงก่อน เพื่อให้มีความพร้อมในการเข้าสู่การพัฒนา และการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านที่พยายามส่งเสริมการลงทุนโดยดึงนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาพัฒนาประเทศ เพื่อให้มีการแข่งขัน และศักยภาพเทียบเท่ากับประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างเร็วที่สุด

ทั้งนี้ โดยที่ผ่านมาหลายฝ่ายคาดหวังว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดซึ่งเป็นการคาดหวังมากเกินไป ขณะที่การชะลอมาตรการ QE  มีผลกระทบต่อตลาดเงิน คือ จะทำให้ค่าเงินผันผวน และมีเงินทุนไหลออกเยอะซึ่งภาคเอกชนโดยเฉพาะผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะอาจกระทบต่อรายได้สุทธิ ณ วันส่งมอบสินค้า  อย่างไรก็ตาม ไทยยังมีแนวโน้มเป็นประเทศเศรษฐกิจหลักของโลกได้หากมีการบริหารจัดการอย่างถูกต้อง

ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตน้อยกว่า 5% ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ โดยคาดว่า ครึ่งปีหลังเศรษฐกิจจะชะลอตัวกว่าครึ่งปีแรก แม้ว่าการบริโภคภาคเอกชน และครัวเรือนยังขยายตัวในระดับที่ลดลง ดังนั้น มาตรการหลักที่รัฐควรให้ความสำคัญคือ การดูแลเสถียรภาพโครงสร้างเศรษฐกิจทั้งระบบมากกว่า อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่ผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และตลาดทุนก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น นักลงทุนควรระมัดระวังถึงแนวโน้มในช่วงถัดไป และติดตามสถานการณ์การลงทุนอย่างใกล้ชิด

 
กำลังโหลดความคิดเห็น