xs
xsm
sm
md
lg

“ออมสิน” เผยข้าราชการไทยก่อหนี้สินเพิ่ม ดันตัวเลขเอ็นพีแอลพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี
“ออมสิน” ฟุ้งผลงานครึ่งปีแรกกวาดกำไรทะลุเป้าแตะ 1.05 หมื่นล้านบาท ยอมรับหนี้เสียพุ่ง 1.3% เกิดจากข้าราชการไทยมีหนี้สินเพิ่ม กระทบต่อความสามารถชำระหนี้ มั่นใจไม่ถูกเบี้ยวหรือชักดาบ เพราะมีเงินเดือนประจำ แต่อาจจ่ายช้าไปบ้าง

นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยถึงแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 ยังคงเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยกำไรขยายตัวอยู่ที่ระดับ 1.05 หมื่นล้านบาท จากที่ตั้งเป้าครึ่งปีไว้ที่ 9 พันล้านบาท และทั้งปีมั่นใจว่ากำไรจะเติบโตได้ที่ระดับ 2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มเงินฝากในช่วงที่ผ่านมาขยายตัวได้เป็นอย่างดี โดยมียอดสินเชื่อขยายตัวอยู่ที่ 5.5 หมื่นล้านบาท

นายวรวิทย์ เชื่อมั่นว่าในปีนี้ยอดสินเชื่อจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 7.5% ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.3% หรือ 2.2 หมื่นล้านบาท ของยอดสินเชื่อรวมทั้งหมดที่ 1.7 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้อยู่ที่ 1.1% ขณะที่เนื่องจากความสามารถในการจ่ายหนี้ลดลง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่เป็นข้าราชการ และลูกค้ารายย่อยกลุ่มอื่น

สำหรับปัญหาเอ็นพีแอลดังกล่าว เป็นผลมาจากข้าราชการย้ายถิ่นทำให้มีขั้นตอนการดำเนินงานหลายขั้นตอน ส่งผลให้เงินเดือนที่เข้าบัญชีล่าช้า และมีภาระหนี้อื่นอีกเป็นจำนวนมาก เช่น หนี้สหกรณ์ เป็นต้น ทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ภายในกำหนดให้แก่ธนาคารได้

ทั้งนี้ เชื่อว่าไม่เกิดปัญหาหนี้สูญเพราะข้าราชการมีเงินเดือนประจำอาจจะจ่ายหนี้คืนล่าช้าเท่านั้น หนี้เสียส่วนใหญ่เกิดจากข้าราชการ ส่วนลูกค้ารายย่อยมีบ้างแต่ไม่มากนัก

ขณะที่ลูกจ้างเอกชนที่ธนาคารปล่อยกู้ให้ลูกค้าเพื่อช่วยสภาพคล่องในช่วงเกิดปัญหาน้ำท่วมปลายปี 2554 มีการชำระหนี้ล่าช้าบ้าง เพราะโรงงานต้องใช้เวลาเดินเครื่องผลิตเป็นปีกว่าจะเดินเต็มรูปแบบได้ 100% อาจทำให้จ่ายเงินเดือนล่าช้า แต่ยังไม่เข้าขั้นน่าเป็นห่วง เนื่องจากบุคคลเหล่านี้ยังมีงานทำ และสามารถชำระหนี้ได้แต่อาจจะช้าหน่อย

โดยที่ผ่านมา ตนได้รายงานให้คณะกรรมการของธนาคารได้รับทราบว่า หนี้เสียของธนาคารอาจจะเพิ่มขึ้นบ้าง เนื่องจากปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกค้ารายย่อยเพื่อประกอบอาชีพใหม่ และการประกอบอาชีพยังไม่เข้มแข็งจึงควรให้โอกาสในการทำธุรกิจ แต่เชื่อว่าหนี้เสียคงไม่เกิน 2% และถ้าบริหารจัดการให้ดีคาดว่าสิ้นปีเอ็นพีแอลจะอยู่ที่ 1.2-1.25%

สำหรับกรณีที่มีหลายฝ่ายกังวลหนี้ภาคครัวเรือนที่สูงขึ้นนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธนาคาร เนื่องจากธนาคารเน้นปล่อยกู้รายย่อยที่เกี่ยวข้องกับการประกอบอาชีพ และไม่มีสินเชื่อบัตรเครดิต หรือเช่าซื้อรถยนต์ (ลีสซิ่ง) โดยสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้า แบ่งเป็นสินเชื่อบุคคลที่ไม่เกิน 3 ล้านบาท และเป็นการหักบัญชีถึง 55% สินเชื่อเคหะ 13% ปล่อยกู้ให้แก่รัฐบาล 21% ที่เหลือ 6% เป็นสินเชื่อธุรกิจ จากฐานสินเชื่อรวมประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท

ส่วนกรณีการปล่อยให้แก่พนักงานของสหฟาร์ม เกิดปัญหาสภาพคล่องนั้นมีสัดส่วนไม่มาก เช่น ปล่อยสินเชื่อประมาณ 1,000 ราย มีปัญหาการผ่อนชำระเพียง 200-300 ราย คาดว่าหากพนักงานหางานใหม่ได้ หรือบางคนที่มีเงินเก็บจะนำเงินกลับมาใช้หนี้ตามกำหนด
กำลังโหลดความคิดเห็น