“ไทยพาณิชย์” มั่นใจสินเชื่อปีนี้โตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 9-13% แม้ครึ่งปีหลังแนวโน้ม ศก.-บริโภคชะลอลง พร้อมกดเอ็นพีแอลทั้งปีที่ 2% ขณะที่กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่เน้นธุรกรรมหารายได้ค่าธรรมเนียม
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB)เปิดเผยว่า ธนาคารยังคงมั่นใจว่า การขยายตัวของสินเชื่อรวมในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 9-13% แม้ประเมินว่าในครึ่งปีหลังการปล่อยสินเชื่อจะชะลอลงจาก 5 เดือนแรกที่ธนาคารสามารถเติบโตได้มากกว่า 12% ซึ่งสูงกว่าตลาดทั้งระบบ โดยเป็นผลจากการขยายตัวของสินเชื่อรายย่อย และเอสเอ็มอีเป็นหลัก
สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ไตรมาส 1 นั้น อยู่ที่ 2.1% ซึ่งถือว่าต่ำมาก และทั้งปีจะบริหารจัดการในอยู่ในระดับ 2% ขณะที่ปัญหาในการบริโภคชะลอ และหนี้ครัวเรือนส่วนใหญ่มาจากระดับล่าง ซึ่งไม่น่าจะผ่านเกณฑ์ของธนาคารอยู่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงมาก ซึ่งช่วงนี้ดูสถานการณ์จะหนักขึ้น แต่ได้ป้องกันไว้เป็นปีๆ แล้ว และยังไม่ได้มีการปรับเงื่อนไขสินเชื่อแต่อย่างใด
ยันกรณี “สหฟาร์ม” ไม่กระทบ
ส่วนกรณีที่บริษัท สหฟาร์ม จำกัด มีปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมปัญหาหนี้ของธนาคาร เนื่องจากธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นผู้ปล่อยกู้ในอัตราส่วนที่ไม่สูงนัก โดยในส่วนของการแก้ไขปัญหาทางการเงินให้แก่กรณีสหฟาร์มนั้นมองว่า จะต้องเป็นหน้าที่ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) ซึ่งมีสัดส่วนการปล่อยกู้มากที่สุดเป็นผู้ดำเนินการ
รายใหญ่เน้นโกยรายได้ค่าฟี
ด้านนายอาทิตย์ นันทวิทยา รองผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจรายใหญ่ในช่งครึ่งปีหลังนั้นยังเติบโตได้ดีในแนวทางที่ธนาคารตั้งไว้ คือ จะไม่เน้นที่การขยายสินเชื่อเป็นหลัก แต่จะเน้นในส่วนรายได้ค่าธรรมเนียม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้ารายใหญ่ จำนวน 4 ราย โดยมีมูลค่ารวมมากกว่า 1 แสนล้านบาท ประกอบด้วย กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure fund) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และยังอยู่ระหว่างการเจรจาดำเนินธุรกรรมประเภท M&A มูลค่าหลักหมื่นล้านบาทอีกด้วย
“แนวทางในการดำเนินธุรกิจรายใหญ่ของแบงก์ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ได้ใช้ทาร์เกตเรื่องสินเชื่อโตเป็นสำคัญ แต่เน้นสร้างรายได้มากกว่า เพราะสินเชื่อไม่ได้ทำให้เกิดรายได้โดยตรง แย่งแข่งกันมาก ก็ยิ่งมาร์จิ้นน้อย แต่การทำดีลจะมีรายได้ค่าธรรมเนียมมากกว่า”
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาตัวยอดสินเชื่อรายใหญ่แทบจะไม่โตเลย แต่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโตได้ดี และทั้งปีจะเติบโตได้ 2 หลัก ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และยังต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ในสิ้นปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 50% จากปัจจุบันที่อยู่ 47% ซึ่งสูงขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ 43% และเพิ่มเป็น 60% ในระยะต่อไป