“คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น” หรือ CSS ประกาศเตรียมนำหุ้นไอพีโอจำนวน 200 ล้านหุ้น เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในไตรมาส 3/2556 นำเงินก่อสร้างคลังสินค้า และอาคารสำนักงานแห่งใหม่ ต่อยอดธุรกิจในอนาคตเติบโตแข็งแกร่ง “สมพงษ์ กังสวิวัฒน์” ชูจุดเด่นเป็นหุ้นที่เปี่ยมด้วยศักยภาพ ทั้งเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายและการให้บริการติดตั้งสายไฟฟ้าและอุปกรณ์อื่นๆ โดยมี “ทริปเปิ้ล เอพลัส แอดไวเซอรี่” เป็นพี่เลี้ยงในการระดมทุน
นายสมพงษ์ กังสวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CSS เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาทว่า ภายหลังจากได้แต่งตั้งให้ บริษัท ทริปเปิ้ล เอ พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ล่าสุด ได้แต่งตั้งให้ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ CSS โดยเชื่อว่าการเข้าระดมทุน และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจของ CSS มีโอกาสในการขยายธุรกิจให้เติบโตยิ่งกว่าที่เป็นมาบนพื้นฐานที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
“บริษัทฯ เชื่อว่าการตัดสินใจระดมทุน และเข้าจดทะเบียนใน ตลท. ครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจของ CSS มีโอกาสในการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม ซึ่งเมื่อผนึกเข้ากับจุดเด่นตรงที่ผลประกอบการมีการขยายตัวต่อเนื่องทุกปี ทั้งจากการเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่าย และการให้บริการติดตั้งสายไฟฟ้า และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบงานไฟฟ้า และบริษัทมีแผนในการขยายงานทั้งด้านการเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายสินค้า และงานด้านโทรคมนาคมที่มีการเติบโตอย่างมากในขณะนี้ ยิ่งทำให้พื้นฐานของ CSS แข็งแกร่งกว่าเดิม และล่าสุด บริษัทฯ ยังได้แต่งตั้ง บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นแกนนำอันเดอร์ไรต์ โดยคาดว่าจะได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. ให้เสนอขายหุ้นไอพีโอ และสามารถเสนอขายหุ้นไอพีโอได้ภายในไตรมาส 3 นี้” นายสมพงษ์กล่าว
สำหรับผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมาของ CSS มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2553-2555 บริษัทมีรายได้รวมประมาณ 1,752 ล้านบาท 2,339 ล้านบาทและ 3,302 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยของรายได้ในอัตราประมาณร้อยละ 37 ต่อปี ซึ่งรายได้หลักมาจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าประเภทต่างๆ คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 78-88 ของรายได้รวม ส่วนรายได้ที่สำคัญรองลงมา ได้แก่ รายได้จากการบริการติดตั้งซึ่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 8-22 ของรายได้รวม ส่วนกำไรสุทธิในปี 2553-2555 จำนวน 28 ล้านบาท 40 ล้านบาท และ 158 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราเติบโตของกำไรสุทธิในอัตราประมาณร้อยละ 140 ต่อปี โดยผลประกอบการกำไรสุทธิที่เพิ่มสูงขึ้นมาจากรายได้จากการขาย และรายได้จากการบริการติดตั้งเป็นหลัก
น.ส.ปิ่นมณี เมฆมัณฑนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริปเปิ้ล เอ พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น กล่าวว่า CSS มีพื้นฐานทางด้านธุรกิจที่แข็งแกร่งมีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสในการขยายธุรกิจในอนาคตได้อีกมาก ซึ่งจากจุดเด่นดังกล่าวทำให้เชื่อว่าเมื่อหุ้น CSS เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะได้รับความสนใจ และตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้นได้ภายในไตรมาส 3/2556 นี้
ด้านนายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน กล่าวว่า ขอขอบคุณ บมจ.คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น ที่ให้ความไว้วางใจเลือก บล.ฟินันเซีย ไซรัส ให้เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ ซึ่ง CSS นับเป็นบริษัทฯ ที่มีความโดดเด่นอย่างมากเนื่องจากเป็นหนึ่งในผู้นำในการจัดจำหน่ายสายไฟฟ้า และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าของผู้ผลิตชั้นนำระดับสากลแบบครบวงจร (One-Stop Service) ประกอบกับศักยภาพในการเติบโตจากธุรกิจการให้บริการติดตั้งระบบโทรคมนาคมโดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รายได้จากการให้บริการติดตั้งระบบเสาโทรคมนาคมของบริษัทฯ เติบโตเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 122 ต่อปี
ทั้งนี้ คาดว่ารายได้ดังกล่าวจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายเสาโทรคมนาคม และติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมเพื่อรองรับการขยายโครงข่ายบริการ 3G ของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ แม้ภาวะตลาดหุ้นโดยรวมจะยังผันผวนอยู่ แต่เชื่อว่าหุ้นไอพีโอจะยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน รวมถึงหุ้น CSS ด้วย
สำหรับบริษัท คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ CSS ดำเนินธุรกิจหลัก 2 ประเภท คือ เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายและการให้บริการติดตั้งสายไฟฟ้า และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบงานไฟฟ้า รวมถึงวัสดุและอุปกรณ์ป้องกันไฟลามจากผู้ผลิตชั้นนำระดับโลก และดำเนินธุรกิจให้บริการติดตั้ง บริการออกแบบ จัดหาและติดตั้งระบบโทรคมนาคม และระบบป้องกันไฟลาม รวมทั้งให้บริการงานด้านบำรุงรักษาระบบโทรคมนาคม โดยบริษัทมีทุนจดทะเบียน 350 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 700 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนเรียกชำระแล้ว 250 ล้านบาท จะเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทต่อประชาชนทั่วไป และกลุ่มพนักงานในครั้งนี้รวมจำนวนทั้งสิ้น 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 28.57 ของทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ไปใช้ในการก่อสร้างคลังสินค้า และอาคารสำนักงานแห่งใหม่ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
