“ตราช้าง” โชว์เทคโนโลยีการผลิตกระเบื้องหลังคาไร้แร่ใยหิน ที่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน ตอกย้ำความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมก่อสร้างรายแรกในไทย เผยลงทุนปรับเปลี่ยนส่วนเตรียมวัตถุดิบ โดยใช้งบลงทุนประมาณ 25 ล้านบาทต่อหนึ่งสายการผลิต โดยมีทั้งหมด 6 สายการผลิต มูลค่าโดยรวมประมาณ 150 ล้านบาท เพื่อพัฒนากระบวนการผลิต ยกเลิกการใช้แร่ใยหินในกระบวนการผลิตครบทุกผลิตภัณฑ์ 100% เป็นรายแรกในปี พ.ศ.2550 สนองอุดมการณ์ทางธุรกิจในแง่มุมของผู้ประกอบการที่ห่วงใยสังคมและสิ่งแวดล้อม
นายสราวุฒิ สำราญทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ มาร์เก็ตติ้ง เฮ้าส์ซิ่ง บิสซิเนส (Managing Director -Marketing Housing Business) ธุรกิจ เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กล่าวว่า ตราช้างได้มีการพัฒนานวัตกรรมการผลิตสินค้าในกลุ่มกระเบื้องหลังคาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการให้ความสำคัญในเรื่องของคุณภาพ ความแข็งแกร่ง ทนทาน ปลอดภัย และตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่ Economy, Medium, จนถึง High Segment นอกจากนี้ ยังนำเสนอความหลากหลายของสินค้าทั้งประเภทวัสดุ และรูปลอนที่สวยงามหลากหลาย ตอบโจทย์ในทุกสไตล์บ้าน (Contemporary, Modern, Thai, Natural) เราได้พัฒนาสินค้าที่เป็นนวัตกรรมใหม่สู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านหลังคา ไม่เพียงแต่กระเบื้องหลังคาเท่านั้น ตราช้างยังมุ่งพัฒนาอุปกรณ์หลังคาตราช้างเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถใช้ประโยชน์หลังคาอย่างครบครัน ด้วย 4 ฟังก์ชันหลัก ทั้งกันร้อน กันรั่ว ปลอดภัย และอรรถประโยชน์ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจ และการใช้ประโยชน์ของหลังคาบ้านได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด
นอกจากนี้ ยังลงทุนปรับเปลี่ยนส่วนเตรียมวัตถุดิบ โดยใช้งบลงทุนประมาณ 25 ล้านบาทต่อหนึ่งสายการผลิต โดยมีทั้งหมด 6 สายการผลิต มูลค่าโดยรวมประมาณ 150 ล้านบาท เพื่อพัฒนากระบวนการผลิต จนกลายเป็นผู้ผลิตกระเบื้องหลังคารายแรกที่ยกเลิกการใช้แร่ใยหินในกระบวนการผลิตครบทุกผลิตภัณฑ์ 100% ในปี พ.ศ.2550
“เมื่อองค์การอนามัยโลกได้ออกมาประกาศถึงอันตรายของการใช้แร่ใยหินในปี พ.ศ.2549 พร้อมเปิดเผยข้อมูลว่า ฝุ่นจากแร่ใยหินสามารถเข้าสู่ร่างกายทางจมูกโดยการหายใจเข้าไป และมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็งปอด มะเร็งเยื่อหุ้มปอด และเยื่อบุช่องท้อง (Mesothelioma) และแอสเบสโตสิส (Asbestosis) ตราช้างจึงเริ่มที่จะปรับกระบวนการผลิตหลังคาลอนคู่โดยพัฒนาสูตรการผลิตหลังคาที่ปราศจากแร่ใยหินจากนั้นเป็นต้นมา และยกเลิกการใช้แร่ใยหินในทุกผลิตภัณฑ์ของตราช้าง ทั้งสินค้าประเภทหลังคา ฝ้า ผนัง พื้นและไม้สังเคราะห์ทั้งหมดโดยสิ้นเชิง นับเป็นผู้ผลิตรายแรกในประเทศไทยที่ปรับเปลี่ยนมาใช้นวัตกรรมใหม่ที่เป็นมิตรต่อคน และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานในโรงงาน ผู้บริโภค รวมถึงประชาชนทั่วไปจะปลอดภัยจากฝุ่นแร่ใยหินดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ข้อมูลจากInternational Ban Asbestos Secretariat ล่าสุด พบว่าประเทศต่างๆ ในโลกจำนวนกว่า 54 ประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น อิตาลี เยอรมนี ออสเตรเลีย อิสราเอล สเปน ฝรั่งเศส และบรูไน เป็นต้น ได้ยกเลิกการใช้แร่ใยหินอย่างสิ้นเชิง”
ทางด้าน นายนพดล ประพันธ์ ผู้อำนวยการ บริษัท กระเบื้องกระดาษไทย จำกัด โรงงานสระบุรี กล่าวว่า เทคโนโลยีที่เรานำมาทดแทนแร่ใยหิน คือ การนำเส้นใยสังเคราะห์ซึ่งเป็นเส้นใยโพลิเมอร์ที่ผลิตจากโรงงานอุตสาหกรรม อันผ่านกระบวนการปั่นและสังเคราะห์ด้วยวิธีหลอมเหลว มีความทนทานต่อจุลินทรีย์ เชื้อรา แบคทีเรีย และสารเคมี ไม่ดูดน้ำ ผสมกับเซลลูโลสที่ทำมาจากไม้สน อันผ่านกระบวนการผลิตที่มีลักษณะพิเศษ ทำให้กระเบื้องหลังคาที่ได้มีคุณสมบัติดีกว่าการใช้แร่ใยหิน โดยจะมีความเหนียว และยืดหยุ่นกว่าเดิมถึง 2 เท่า ลดความเสียหายจากการตกกระทบของแข็งบนที่สูง เช่น ลูกเห็บ ลูกมะพร้าว และการแตกหักจากการเจาะ หรือติดตั้ง มีความแข็งแรงทนทานมาก และไม่หดตัว ปลวกไม่กิน รวมทั้งกันความร้อนได้ดีขึ้นกว่าเดิมถึง 5 เท่า ที่สำคัญที่สุดก็คือ ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและร่างกาย
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวถือเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานไทยให้ปลอดภัยตามมาตรฐานองค์การแรงงานระหว่างประเทศ อีกทั้งยังได้หลังคาที่มีความแข็งแรงตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกระเบื้องซีเมนต์เส้นใยแผ่นลอน (มอก.1407-2540) อ้างอิงตามมาตรฐานสากลคือ ISO 9933 และผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการวิชาการ คือ กรมโยธาธิการ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย สมาคมสถาปนิกสยาม ในปัจจุบัน กำลังการผลิตของโรงงานโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 640,000 ตันต่อปี เป็นกระเบื้องหลังคาจำนวน 80% และอื่นๆ 20%
“ปัจจุบันกระแสของการใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของคนไทยสูงขึ้นมาก ซึ่งส่งผลมาสู่ความพิถีพิถันของผู้บริโภคในการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายของแร่ใยหินไปสู่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสร้าง หรือต่อเติมบ้านในวงกว้างมากยิ่งขึ้น รวมถึงผู้รับเหมาก่อสร้างซึ่งเป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงต่อการสูดแร่ใยหินในขณะทำงานมากที่สุด ให้มีความเข้าใจ และหลีกเลี่ยงการใช้กระเบื้องหลังคาที่มีแร่ใยหินเพื่อให้ปลอดภัยต่อสุขภาพของตนเอง”