“แสนสิริ” รุกตลาดกลางล่างย่านชานเมือง หวังชิงแชร์ตลาดอสังหาฯ ทุกมเซกเมนต์ เปิดตัว 2 แบรนด์ใหม่ “คณาสิริ” บ้านเดี่ยวราคาเริ่มต้น 3 ล้านบาท และ “เมท ทาวน์” ทาวน์เฮาส์ เริ่มต้น 1.5 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายบ้านแนวราบ 17,000 ล้านบาท 6 เดือนกวาด 7,000 ล้านบาท
นายเมธา อังวัฒนพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการขยายตัวของโครงการระบบขนส่งมวลชนรอบทิศทาง ทั้งการขยายเส้นทางถนน และโครงการรถไฟฟ้าที่ทำให้การเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองได้ง่ายขึ้น อีกทั้งการขยายตัวของสิ่งอำนวยความสะดวก ห้างสรรพสินค้าที่ไม่กระจุกตัวอยู่แต่ในตัวเมืองชั้นในเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้ที่อยู่อาศัยในแถบชานเมืองมีความต้องการ และขยายตัวมากขึ้นเช่นเดียวกัน บริษัทจึงได้พัฒนาโครงการแนวราบเพื่อขยายตลาดให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์มากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังมีนโยบายขยายฐานลูกค้า โดยเลือกทำเลที่มีดีมานด์สูง ทั้งในทำเลที่อยู่ใกล้แหล่งงาน นิคมอุตสาหกรรม ศูนย์ราชการ และแหล่งเมืองเก่า โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้นำร่องเปิดตัวโครงการทาวน์เฮาส์เมท ทาวน์ ปทุม-ติวานนท์ เป็นโครงการแรก ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี โดยปัจจุบันมียอดจองแล้วกว่า 40% จากจำนวนทั้งสิ้น 197 ยูนิต โดยหลังจากนี้ บริษัทยังได้เตรียมเปิดตัวโครงการ คณาสิริ บางนา และเมท ทาวน์ บางนา ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ตามแผนงานต่อไป
ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัว 2 แบรนด์ใหม่ ได้แก่ “คณาสิริ” บ้านเดี่ยว ราคาเริ่มต้น 3 ล้านบาท และ “เมท ทาวน์” ทาวน์เฮาส์ ราคาเริ่มต้น 1.5 ล้านบาท ในทำเลย่านชานเมืองเพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยในทำเลนอกเมืองที่มีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปีนี้ บริษัทจะเปิดตัวบ้านเดี่ยวแบรนด์ คณาสิริ ประมาณ 3 โครงการ ใน 3 ทำเล ได้แก่ คณาสิริ วงแหวน-พระราม 5, คณาสิริ บางนา และคณาสิริ ศาลายา มูลค่าโครงการรวมประมาณ 3,765 ล้านบาท และมีแผนการเปิดตัวทาวน์เฮาส์ แบรนด์เมท ทาวน์จำนวนทั้งสิ้น 2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 930 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะเปิดตัวโครงการ “คณาสิริ วงแหวน-พระราม 5” เป็นโครงการแรก มูลค่าโครงการ 965 ล้านบาท จำนวน 311 ยูนิต บนพื้นที่กว่า 66 ไร่ และโครงการ “เมท ทาวน์ ปทุม-ติวานนท์” มูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท จำนวนทั้งสิ้น 197 ยูนิต บนที่ดินขนาด 17 ไร่
อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่ายอดขายโครงการแนวราบในปี 2556 อยู่ที่ประมาณ 17,000 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีก่อน โดย 6 เดือนแรกคาดว่าจะทำได้ประมาณ 7,000 ล้านบาท ส่วนรายได้คาดว่าจะอยู่ที่ 15,000-16,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายรอโอน (backlog) ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนเปิดโครงการแนวราบอีกประมาณ 8-9 โครงการ มูลค่ารวม 7,000-8,000 ล้านบาท