ยังไปได้อีก
ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะกลุ่มทิพ รวมทั้งไทยทีดีดตัวกันแรง ทำให้นักลงทุนมีขวัญกำลังใจกลับมา หายจากความหวาดผวาในความผันผวน และเริ่มมีความเชื่อมั่นว่าความเลวร้ายในระยะสั้นคงผ่านพ้นไปแล้ว ขณะที่ปัจจัยแวดล้อมทีดีขึ้นอาจทำให้ดัชนีไต่ระดับขึ้นได้ต่อเนื่องอยางน้อยในต่อวัน
ดัชนีวันนี้ปิดที่ 1,424.38 จุด เพิ่มขึ้น 39.75 จุด มูลค่าซื้อขายทั้งสิ้น 74,975 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 16,908 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขายบิ๊กล็อตขึ้นสยามแม็คโคร ซึ่งหากหักรายการบิ๊กล็อตต่างชาติอาจไม่ได้ขายหุ้นอีก
2 วันที่ผ่านมาสถานการณ์การลงทุนดีขึ้นมาก จนเริ่มมีความเชื่อว่าจุดต่ำสุดของรอบผ่านพ้นไปแล้ว อย่างน้อยในระยะสั้น แต่การจะกลับมาวิ่งแรงๆ คงหวังไม่ได้ เพราะนักลงทุนยังแหยงในความผันผวน และลงทุนอย่างระมัดระวังตัว โดยเฉพาะรายย่อยซึ่งยังเน้นในการขายมากกว่า และแรงขายของรายย่อยจะทยอยออกมาต่อเนื่องเมื่อหุ้นขยับขึ้น จึงทำให้เกิดแรงต้านในขาขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยแวดล้อมภายนอกยังเป็นใจอยู่ เพราะตลาดหุ้นยุโรป และสหรัฐฯ คืนวันพุธยังดีดตัวกันแรง สวนทางกับราคาทองคำที่ดิ่งเหว ซึ่งการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นต่างประเทศจะเป็นตัวกระตุ้นให้ดัชนีเดินหน้าต่อไป และโอกาสขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,450 จุดได้ แต่เร็วเกินไปที่จะคาดหวังดัชนีพุ่งไปท่ระดับ 1,500 จุด
อีก 2 วันทำการจะปิดฉากครึ่งปีแรก ซึ่งยังมีความหวังการทำวินโดว์เดรสซิ่ง หรือการทำราคาปิดเพื่อให้บัญีเงินลงทุนในหลักทรัพย์สูงขึ้นของนักลงทุนสถาบัน และจะเป็นอีกแรงหนุนจะทำให้แนวโน้มหุ้นวันพรุ่งนี้สดใส แต่ก็ยังไมใช่ช่วงเวลาการไล่ซื้อตามเพราะเพดานด้านบนยังแคบ
ตอนนี้ควรบริหารหุ้นที่ติดไว้ในพอร์ตมากกวาการซื้อหุ้นเพิ่ม เพราะปัจจัยชี้นำการปรับตัวขึ้นรอบใหม่ยังเห็นไม่ชัด
ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะกลุ่มทิพ รวมทั้งไทยทีดีดตัวกันแรง ทำให้นักลงทุนมีขวัญกำลังใจกลับมา หายจากความหวาดผวาในความผันผวน และเริ่มมีความเชื่อมั่นว่าความเลวร้ายในระยะสั้นคงผ่านพ้นไปแล้ว ขณะที่ปัจจัยแวดล้อมทีดีขึ้นอาจทำให้ดัชนีไต่ระดับขึ้นได้ต่อเนื่องอยางน้อยในต่อวัน
ดัชนีวันนี้ปิดที่ 1,424.38 จุด เพิ่มขึ้น 39.75 จุด มูลค่าซื้อขายทั้งสิ้น 74,975 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 16,908 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขายบิ๊กล็อตขึ้นสยามแม็คโคร ซึ่งหากหักรายการบิ๊กล็อตต่างชาติอาจไม่ได้ขายหุ้นอีก
2 วันที่ผ่านมาสถานการณ์การลงทุนดีขึ้นมาก จนเริ่มมีความเชื่อว่าจุดต่ำสุดของรอบผ่านพ้นไปแล้ว อย่างน้อยในระยะสั้น แต่การจะกลับมาวิ่งแรงๆ คงหวังไม่ได้ เพราะนักลงทุนยังแหยงในความผันผวน และลงทุนอย่างระมัดระวังตัว โดยเฉพาะรายย่อยซึ่งยังเน้นในการขายมากกว่า และแรงขายของรายย่อยจะทยอยออกมาต่อเนื่องเมื่อหุ้นขยับขึ้น จึงทำให้เกิดแรงต้านในขาขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยแวดล้อมภายนอกยังเป็นใจอยู่ เพราะตลาดหุ้นยุโรป และสหรัฐฯ คืนวันพุธยังดีดตัวกันแรง สวนทางกับราคาทองคำที่ดิ่งเหว ซึ่งการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นต่างประเทศจะเป็นตัวกระตุ้นให้ดัชนีเดินหน้าต่อไป และโอกาสขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,450 จุดได้ แต่เร็วเกินไปที่จะคาดหวังดัชนีพุ่งไปท่ระดับ 1,500 จุด
อีก 2 วันทำการจะปิดฉากครึ่งปีแรก ซึ่งยังมีความหวังการทำวินโดว์เดรสซิ่ง หรือการทำราคาปิดเพื่อให้บัญีเงินลงทุนในหลักทรัพย์สูงขึ้นของนักลงทุนสถาบัน และจะเป็นอีกแรงหนุนจะทำให้แนวโน้มหุ้นวันพรุ่งนี้สดใส แต่ก็ยังไมใช่ช่วงเวลาการไล่ซื้อตามเพราะเพดานด้านบนยังแคบ
ตอนนี้ควรบริหารหุ้นที่ติดไว้ในพอร์ตมากกวาการซื้อหุ้นเพิ่ม เพราะปัจจัยชี้นำการปรับตัวขึ้นรอบใหม่ยังเห็นไม่ชัด