“แม็ค กรุ๊ป” หรือ “ยีนแม็ค” (MC) พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 4 ก.ค. เคาะราคาไอพีโอ 15 บาท/หุ้น ส่วนลด 30% เปิดจอง 26-28 มิ.ย. ผู้บริหารมั่นใจพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง ไม่หวั่นภาวะตลาดหุ้นช่วงนี้ผันผวน เดินหน้าขยายช่องทางจำหน่ายทั้งใน และต่างประเทศ พร้อมเพิ่มสินค้าใหม่ ผู้บริหารระบุเงินระดมทุน ช่วยขยายธุรกิจ และล้างหนี้เกลี้ยง แถมเหลือใช้หมุนเวียนอีกกว่า 1 พันล้านบาท
น.ส.สุวภา เจริญยิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ธนชาติ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) และผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ MC เปิดเผยว่า ราคาเสนอขายไอพีโอนั้นเดิมได้กำหนดช่วงราคาจากการสำรวจความต้องการของกลุ่มนักลงทุนสถาบัน (บุ๊กบิ้ว) ที่ 15-18 บาท แต่บริษัทตัดสินใจที่จะกำหนดราคาบุ๊กบิ้วจากนักลงทุนสถาบันที่ราคาเดียวคือ 15 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสม คิดเป็น P/E ของบริษัทฯ 13 เท่า ที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับ P/E กลุ่มที่ค่อนข้างสูง (Commerce Sector) ที่ 30-33 เท่า ซึ่งถือว่าราคามี Discount จากราคาเป้าหมายกว่า 30% โดยจะเปิดจองวันที่ 26-28 มิ.ย. และพร้อมเข้าซื้อขายในกระดานหลักทรัพย์วันที่ 4 กรกฎาคม
“เรามั่นใจในการเข้าซื้อตลาดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วงนี้ แม้ภาวะตลาดผันผวน แต่เป็นปัจจัยลบที่มาจาก Fund Flow ไหลออก ซึ่งหุ้นที่ถูกแรงเทขายก็มาจากหุ้นที่มีนักลงทุนต่างชาติถือหุ้นอยู่ ขณะที่พื้นฐานบริษัทที่มีความแข็งแกร่งทุกด้าน อีกทั้งหุ้นทั้งหมดนั้นเราเสนอขายเพียงนักลงทุนในประเทศเท่านั้น และผู้ถือหุ้นเดิมนั้นไม่ขายหุ้นทิ้งแน่นอน 100% โดยติดล็อกอัป 6เดือน”
น.ส.สุณี เสรีภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ MC กล่าวถึงแผนการในอนาคตว่า บริษัทมีเป้าหมายจะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดจากปัจจุบัน 38% โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้เติบโตเฉลี่ย 40% และปีนี้มั่นใจจะโตไม่ต่ำกว่า 20% ส่วนอัตรากำไรสุทธิคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 24-25%
โดยบริษัทมีแผนเพิ่มสินค้า และเพิ่มช่องทางจำหน่ายในประเทศอีก 260 แห่ง ภายใน 3 ปี จากเดิมที่ปัจจุบันเรามี 530 กว่าแห่ง ขณะเดียวกัน จะขยายเข้าไปในตลาดมาเลเซีย และอินโดนีเซีย ที่มีกำลังซื้อมากกว่าประเทศ ผ่านการร่วมมือกับตัวแทนจำหน่ายในท้องถิ่น ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้
นางปรารถนา มงคลกุล ประธานกรรมการบริหาร บมจ.แม็ค กรุ๊ป กล่าวถึงแผนระดมทุนกว่า 3,000 ล้านบาท จากการขายไอพีโอครั้งนี้ว่า เงินที่ได้จากระดมทุนจะใช้เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่าย 500 ล้านบาท ในขณะที่ส่วนของเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นคาดว่า ใช้งบประมาณราว 385 ล้านบาท และใช้ในส่วนของศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อีก 200 ล้านบาท พร้อมสร้างส่วนศูนย์กระจายสินค้า 100 ล้านบาท และ 750 ล้านบาท ในการล้างหนี้ เพื่อลดระดับ D/E 0.7 เท่า ให้เหลือ 0 เท่า ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในอนาคต
