xs
xsm
sm
md
lg

เคซีอี ยกเลิกขายหุ้นที่ซื้อคืนเกรงกระทบผู้ถือหุ้น กลับไปใช้ลดทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

   เคซีอี ยกเลิกขายหุ้นที่ซื้อคืน จำนวน 14 ล้านหุ้น เหตุสภาวะตลาดฯไม่อำนวย เกรงจะส่งผลให้ผู้ถือหุ้นเสียประโยชน์ หันไปใช้วิธีลดทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วของบริษัทฯ แทน ส่าสุด เคซีอี เป็นหลักทรัพย์เดียวที่ได้รับคัดเลือกเข้าเป็นหลักทรัพย์ใหม่ พร้อมกันทั้งในดัชนี SET100 และดัชนี SETHD ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2556 หลังเคซีอีประกาศทุ่ม 4,675 ล้าน สร้างโรงงานใหม่เพิ่มการผลิตอีกเท่าตัว รองรับออเดอร์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

    นายบัญชา องค์โฆษิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์จํากัด (มหาชน) หรือ KCE ผู้ผลิตและส่งออกแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และล่าสุดได้รับคัดเลือกเข้าเป็นหลักทรัพย์ใหม่สำหรับดัชนี SET100 และดัชนี  SET HD (SET High Dividend index) ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม2556 ตามประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ชุดใหม่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการขายหุ้นที่ซื้อคืนของบริษัทฯ ว่า ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการที่กำหนดให้บริษัทฯ ขายหุ้นที่ซื้อคืน จำนวน 14 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 2.98 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด โดยมีระยะเวลาการจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนระหว่างวันที่ 11-19 มิถุนายน 2556 นั้น แต่สภาวะตลาดหุ้นไม่เอื้ออำนวยในการสั่งซื้อขาย และอาจส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างไม่ปกติ ซึ่งจะทำให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เสียประโยชน์ บริษัทฯ จึงไม่สามารถที่จะขายหุ้นที่ซื้อคืน จำนวน 14 ล้านหุ้นได้ จึงอาศัยมติที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2556 เพื่อลดทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วของบริษัทฯ โดยวิธีตัดหุ้นจดทะเบียนที่ซื้อคืน และยังจำหน่ายไม่ได้นั้นทั้งหมด

   นอกจากนั้น นายบัญชา ยังได้เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2556 ได้มีมติอนุมัติโครงการลงทุนก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ มูลค่าประมาณ 4,675 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิต จำนวน 2 ล้านตารางฟุตต่อเดือน สำหรับรองรับปริมาณคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นทั้งจากลูกค้าเดิม และลูกค้าใหม่ โดยโรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง กรุงเทพฯ บนเนื้อที่ 19-3-71 ไร่ ซึ่งที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ใกล้กับโรงงานปัจจุบัน

  “โรงงานแห่งใหม่นี้จะทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกกว่าเท่าตัว จากปัจจุบันที่ผลิตได้ 1.8 ล้านตารางฟุตต่อเดือน ซึ่งจะรองรับความต้องการของลูกค้าที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเติบโตของอุตสาหกรรม นอกจากนี้ โรงงานแห่งนี้ยังจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพราะการลงทุนในเครื่องจักรใหม่ที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย และใช้ระบบอัตโนมัติ จะทำให้ผลผลิตเพิ่มมากขึ้น ลดการพึ่งพาแรงงาน และมีการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ” นายบัญชากล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น