“ซีอีโอ” บล.กสิกรฯ มั่นใจมาตรการ “คิวอี” น่าจะยังมีอยู่ เพราะการฟื้นของ ศก.สหรัฐฯ ไม่ได้ดีขึ้นมาก แต่สิ่งที่ตลาดไทยต้องระมัดระวังคือ ถ้าหาก “คิวอี” ไม่อยู่เมื่อไหร่ คงไม่รู้ว่าผลกระทบจะเป็นอย่างไรบ้าง ศก.จะยังจะเติบโตได้ดีเหมือนเดิมไหม และกำไรของโบรกฯ ยังจะดีอยู่หรือเปล่า แนะให้นักลงทุนมีวินัยในการลงทุน ไม่ใช่แค่ตลาดหุ้นเพียงอย่างเดียวต้องดูตลาดเงินด้วย
นายธิติ ตันติกุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KS กล่าวภายหลังได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งใหม่ โดยระบุว่า ความผันผวนของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันปัจจัยที่สำคัญคือการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยการอัดฉีดเงินเข้าระบบ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ที่ส่งผลกระทบให้ทั้งตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ รวมถึงค่าเงินเกิดการผันผวนไปทั้งระบบ แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของ QE ที่มีผลกระทบทั่วโลก ซึ่งในวันที่ 18-19 มิถุนายน 2556 ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะจัดการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน จะมีการประชุมเรื่องมาตรการ QE
ทั้งนี้ หากเฟดมองว่าเศรษฐกิจยังไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร และจะยังคงอยู่ของมาตรการ QE สิ่งที่จะเห็นคือ ตลาดหุ้นไทยจะพุ่งตัวขึ้นสูงอยู่ที่ระดับดัชนี 1,500-1,600 จุด มูลค่าการซื้อขายจะอยู่ที่ 50,000-60,000 ล้านบาทต่อวัน และค่าเงินบาทจะยังมีแนวโน้มการแข็งค่า ตลาดตราสารหนี้จะมีการขึ้นและลงไม่หยุดนิ่ง แต่หากเฟดลดการเข้าซื้อพันธบัตรเดือนละ 85,000 ล้านดอลลาร์ อาจจะมีการเห็นการเทรดของตลาดหุ้นในไทย ซึ่งดัชนีอาจตกลงมาเหลือ 1,200-1,300 จุด ค่าเงิน และตลาดตราสารหนี้อาจต้องมีการปรับฐานใหม่
“โดยส่วนตัวมองว่ามาตรการ QE น่าจะยังมีอยู่ เพราะการฟื้นของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ได้ดีขึ้นมาก แต่สิ่งที่ตลาดไทยต้องระมัดระวัง คือ ถ้าหาก QE ไม่อยู่เมื่อไหร่ เราไม่รู้ว่าผลกระทบจะเป็นอย่างไรบ้าง เศรษฐกิจยังจะเติบโตได้ดีเหมือนเดิมไหม และกำไรของบริษัทหลักทรัพย์ยังจะดีอยู่หรือเปล่า อยากให้นักลงทุนมีวินัยในการลงทุน ไม่ใช่แค่ตลาดหุ้นเพียงอย่างเดียว ต้องดูตลาดเงินด้วย” นายธิติกล่าวทิ้งท้าย