xs
xsm
sm
md
lg

TMI ทุ่มงบกว่า 30 ล.ซื้อเครื่องจักร-ออกสินค้าใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธีระมงคล อุตสาหกรรม เตรียมทุ่มงบ 30 - 40 ล้านบาท ซื้อเครื่องจักรใหม่ คาดออกสินค้าหลอดไฟเพิ่มอีก 2-3 รายการ พร้อมขยายตลาดไปยังเพื่อนบ้านเพื่อรองรับ AEC โดยยังย้ำเป้ายอดขายปี 2556 โต 600 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30%

นายธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธีระมงคล อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TMI ผู้นำธุรกิจออกแบบ ผลิต และจัดจำหน่าย อุปกรณ์ไฟฟ้าส่องสว่าง อุปกรณ์ควบคุม หลอดไฟ และโคมไฟ ภายใต้แบรนด์ “GATA” เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ มีแผนในการขยายงานโดยการซื้อเครื่องจักรใหม่เพิ่มประมาณ 30-40 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นผลิตภัณฑ์ประเภทโคมไฟ หลอด LED และเตรียมออกสินค้าใหม่อีก 2-3 รายการ และล่าสุดบริษัทฯ เพิ่งออกสินค้าใหม่ไปในช่วงเดือนพฤษภาคม 2556 คือ หลอดไฟ LED ประหยัดไฟล่าสุด ซึ่งประหยัดไฟกว่าหลอดตะเกียบ 30-50% โดยขณะนี้มีจำหน่ายในร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะขยายตลาดสินค้าไปยังต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดในประเทศแถบเพื่อนบ้าน อย่างเช่น ลาว กัมพูชา มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และพม่า เป็นต้น อีกทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) และเป็นการสร้างแบรนด์สินค้าของบริษัทฯ ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น และนอกจากนั้น บริษัทฯ มีแผนในการขยายสาขาของร้านค้าปลีกสมัยใหม่ หรือ โมเดิร์นเทรด ให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าจะเพิ่มจำนวนสาขาอีก 15 สาขา เนื่องจากเป็นช่องทางสำคัญในการจัดจำหน่ายสินค้าของบริษัทฯ ซึ่งจะช่วยส่งผลให้ยอดขายของบริษัทฯ มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องอีกทั้ง ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารเพื่อผลิตโคมไฟ ตามโครงการที่ได้รับการส่งเสริมจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องจักร โดยคาดว่าสามารถจะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2556 ทำให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตโคมไฟได้จำนวน 100,000 ชิ้นในช่วงเริ่มต้น และสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้ในช่วงเดียวกันของปี 2556

“สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2556 มียอดขายอยู่ที่ 111.94 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.8% เนื่องจากกำลังซื้อที่ลดลง ประกอบกับแนวโน้มการส่งออกที่ชะลอตัวจากปัจจัยเศรษฐกิจโลกและค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 7.75 ล้านบาท โดยคิดเป็นลดลง 46.87% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าจะยังคงมีรายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 30% จากการออกสินค้าใหม่ รวมทั้งการขยายโรงงานและการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย และยังคงสัดส่วนรายได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้จากบัลลาสต์และหม้อแปลงไฟฟ้าเป็นหลัก” นายธีระชัยกล่าว

นายธีระชัย กล่าวต่อว่า นอกเหนือจากการขยายตลาดไปยังเพื่อบ้านเพื่อรองรับ AEC นั้น บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะสร้างโรงงานใหม่เพื่อขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาแผนธุรกิจ เพื่อกำหนดรูปแบบและรายละเอียด คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2 ปี


กำลังโหลดความคิดเห็น