xs
xsm
sm
md
lg

บล.โกลเบล็ก มองตลาดหุ้นยังขาลงไร้ปัจจัยหนุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


    บล.โกลเบล็ก จำกัด มองแนวโน้มหุ้นไทยเดือนมิถุนายน ยังคงไร้ปัจจัยหนุน  จับตาการประชุม FED ส่อเค้าลดขนาด QE  ระบุนักลงทุนควรจับตาการลงทุนอย่างใกล้ชิด  พร้อมแนะนำหุ้น MBK-TTW และ EPCO ยังเป็นหุ้นที่น่าลงทุน เนื่องจากมี Upside สูงจากปัจจัยบวกของธุรกิจ

     นายธวัชชัย อัศวพรชัย ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติทยอยขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าเป็นการทำกำไรในระยะสั้น สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนมิถุนายน 2556 มองว่า ดัชนีตลาดหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวลดลง โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คือ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะประกาศออกมาในช่วงก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED)

    ในขณะที่แนวโน้มการลงทุนของนักลงทุนในประเทศส่วนใหญ่ ยังคงชะลอการลงทุนเพื่อรอดูการประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน ในไตรมาส 2/2556  ว่าจะออกมาในเชิงบวกตามที่เคยมีการคาดการณ์ของกลุ่มนักวิคราะห์ประมาณการไว้หรือไม่

    ทั้งนี้ FED ยังคงไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องการชะลอ หรือหยุดใช้มาตราการ QE3 ทั้งนี้ หากมีชะลอการใช้มาตรการดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างชะลอตัว และปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม หากมีความชัดเจนจาก FED ในเรื่องของมาตการผ่อนคลายเชิงปริมาณแล้วอาจทำให้นักลงทุนกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยในอีกครั้ง หรือมีการรีบาวนด์ในช่วงปลายเดือนกลับขึ้นไป

     สำหรับกลยุทธ์การลงทุน บล.โกลเบล็ก ยังคงแนะนำให้นักลงทุนหาโอกาสในการทยอยขายทำกำไร  พร้อมติดตามสถานการณ์ในประเทศ  ซึ่งมองว่าขณะนี้ไม่มีปจจัยบวกมาสนับสนุน  โดยให้กรอบสัญญาณทางเทคนิคแนวต้าน 1,650 จุด ส่วนรับให้ได้ที่ระดับ 1,540, 1,515, 1,500 จุดตามลำดับ

    ทางด้านของ   นายจักรกริช เจริญเมธาชัย   กรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนบล.โกลเบล็ก จำกัด แนะนำกลยุทธ์การลงทุน หุ้น Top Picks ในช่วงเดือนมิถุนายน ว่า ทาง บล.โกลเบล็ก แนะนำ MBK โดย แนะนำให้ “ซื้อ” ซึ่งให้ราคาเป้าหมาย 220 บาท  (Buy, TP@220) ทั้งนี้จากกรณีการได้รับส่วนแบ่งจากธุรกิจลูก  เช่น  โรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส และสยามพิวรรธน์  รวมถึงการรุกธุรกิจคอนโดฯ แนวสูง ยังคงเป็นประเด็นที่สำคัญที่น่าจับตาในการเข้าไปลงทุน นอกจากนี้  ยังคงแนะนำ TTW  โดยให้ราคาเป้าหมาย 12 บาท  ดังนั้น ยังคงมี Upside 9% เมื่อเปรียบกับระดับราคาในปัจจุบัน   เนื่องจากหุ้นดังกล่าวยังมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้น การกรณีที่หุ้น CK Power เตรียมเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดย TTW ถือหุ้นอยู่ 25%  จะส่งผลดีต่อราคาหุ้น  พร้อมกันนี้ ในระยะกลาง -ยาว TTW กำลังจะประกาศโรงไฟฟ้าพลังงาน Solar และ Bio Mass ในไตรมาส 3/2013 ซึ่งจะเป็น Upside ในปี 2014-2015 ดังนั้น จึงแนะนำ “ซื้อ”

    ส่วน  EPCO ยังคงเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่น่าจับตา เนื่องจากมองว่า แม้ธุรกิจการพิมพ์ทรงตัว แต่บริษัทฯ จะรับรู้กำไรที่เติบโตโดดเด่นจากโรงไฟฟ้าบ่อพลอย 10 MW ในปี 2013 และโคกสำโรงใน ไตรมาส 4/2013 ส่งผลให้กำไรปี 2013 เพิ่มขึ้น 229% มาอยู่ที่ 155 ล้านบาท จาก 47 ล้านบาท ในปี 2012 และกำไรจะเติบโตแตะระดับ 216 ล้านบาท ในปี 2014 ดังนั้น ในปี 2013-2014  EPS อยู่ที่ 0.30 บาท และ 0.42 บาท ตามลำดับ บนสมมติฐาน PE ที่ 20x สะท้อนการเติบโตในปี 2013-2014 ได้ราคาเป้าหมายที่เหมาะสม 6.00 บาท ประกอบกับบริษัทกำลังศึกษาการเข้าซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 10-20 MW ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปใน ไตรมาส 3/2013 ความสำเร็จดังกล่าวจะส่งผลให้ตลาดปรับประมาณการราคาเป้าหมายขึ้น จึงแนะนำ “ซื้อ” โดยยังมี Upside 42%
กำลังโหลดความคิดเห็น