xs
xsm
sm
md
lg

พบหุ้นกลุ่ม NPG ระยะสุดท้าย 21 บริษัท หากไม่ผ่านข้อบังคับโดนลบชื่อหายจากระบบแน่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พบหุ้นกลุ่ม NPG ระยะสุดท้าย 21 บริษัท จ่อชี้ชะตาอยู่หรือไปในปีหน้า PICNI-NFC-SAFARI-KTECH-DTM และ CIRKIT ร่วมขบวน หากไม่ผ่านข้อบังคับโดนลบชื่อหายจากระบบแน่ แต่ถ้าแผนแก้ไขคืบใกล้เคียงเกณฑ์ ยังพอมีโอกาสต่อชะตาได้อีก 1 ปี ตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุบางบริษัทอยู่มาตั้งแต่วิกฤตปี 2540 ร่วม 16 ปีมาแล้ว ด้าน CAWOW-PATKL-MPG-SECC-TRS และ TT&T คิวต่อไปที่อาจลงมาอยู่ในNPGเช่นกัน

นายศักรินทร์ ร่วมรังษี ผู้ช่วยผู้จัดการ สายงานกำกับตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตอนนี้มีหุ้นในกลุ่มบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่แก้ไขผลดำเนินงานไม่ได้ภายในกำหนด หรือ NPG (Non Performing Group) จำนวนกว่า 20 บริษัท ซึ่งอยู่ในขั้นที่ 3 หรือขั้นสุดท้าย และมีโอกาสที่จะถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงเมษายน-พฤษภาคม 2557 หากไม่สามารถแก้ไขผลดำเนินงานได้ตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการเพิกถอนหลักทรัพย์จดทะเบียน (ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2554)

“ปี2557 จะมีหุ้นในกลุ่ม NPG หลายตัวที่ถูกพิจารณาเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะไม่สามารถแก้ไขผลดำเนินงานตามกำหนด โดยผลดำเนินงานสุดท้ายที่จะชี้วัดว่าบริษัทใดยังสามารถอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไปหรือไม่ บริษัทใดต้องเพิกถอนออก หรือให้โอกาสอีก 1 ปี คือ ผลดำเนินงานในปี 2556 ที่จะมีการทยอยประกาศในช่วงไตรมาสแรกปีหน้า และจะเริ่มมีผลต่อหุ้นกลุ่มนี้ในเดือนเมษายน 2557”

อย่างไรก็ตาม หากบริษัทเหล่านี้มีพัฒนาการที่ดีขึ้น แม้ไม่สามารถผ่านข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่กำหนดได้ แต่มีผลการดำเนินงาน และความคืบหน้าในการฟื้นฟูธุรกิจใกล้เคียงต่อข้อบังคับดังกล่าว ก็ยังมีโอกาสที่ได้รับการอนุญาตผ่อนผัน หรือยืดระยะเวลาเพื่อปรับปรุงธุรกิจ และผลดำเนินงานของบริษัทออกไปได้อีก 1 ปี หรือภายในสิ้นสุดผลดำเนินงานปี 2557

นายศักรินทร์ กล่าวว่า การพิจารณาให้บริษัทจดทะเบียนในกลุ่มนี้ออกจากกลุ่ม NPG หรือเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือขยายระยะเวลาเพิ่มเติมให้อีก 1 ปี จะดูจากหลายปัจจัย เช่น พัฒนาการต่อการดำเนินธุรกิจ หรือผลดำเนินงานในทิศทางที่บวก ความคืบหน้าในการปรับโครงสร้างหนี้เรียบร้อย หรือลุล่วงไปมากน้อยเพียงใด และ สภาพคล่องของหุ้น เป็นต้น

ที่ผ่านมา ในกลุ่ม NPG และกลุ่ม NC (Non-Compliance) หรือหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายต้องปรับปรุงฐานะการเงิน และผลการดำเนินงาน หลายหลักทรัพย์เป็นหุ้นที่มีปัญหามาตั้งแต่ยุควิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้โอกาสบริษัทเหล่านี้ในการแก้ไขผลดำเนินงาน และโครงสร้างหนี้มาเป็นเวลาร่วม 16 ปี

ทั้งนี้ เมื่อสำรวจรายชื่อบริษัทจดทะเบียนที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนตามข้อ 9 (6) ของข้อบังคับ ตลท. เรื่องการเพิกถอนหลักทรัพย์ พบว่า มีหุ้นบริษัทใหญ่หลายบริษัทที่เคยได้รับความสนใจเข้าลงทุนอยู่ในกลุ่มดังกล่าวด้วย จากทั้งหมด 21 บริษัท อยู่ในระยะที่ 3 ของการประกาศ NPG เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2556 เช่น บมจ.ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น (PICNI) บมจ.ปุ๋ย เอ็นเอฟซี (NFC) บมจ.ซาฟารีเวิลด์ (SAFARI) บมจ.เค-เทค คอนสตรัคชั่น (KTECH) บมจ.ดาต้าแมท (DTM) บมจ.เซอร์คิท อิเลคโทรนิกส์อินดัสตรีส์ (CIRKIT) บมจ.เอเพ็กซ์ ดีเวลอปเม้นท์ (APX) เป็นต้น

โดยหุ้นในกลุ่ม NPG ที่เหลือได้แก่ ABICO, BRC, CPICO, D-MARK, ITV, POMPUI, SGF, SMPC, AJP, TPROP, USC, VGM และ WR ส่วนหุ้นที่อยู่ในหมวด NC ระยะที่ 3 มีจำนวน 6 ราย ได้แก่ CAWOW, PATKL, MPG, SECC, TRS และ TT&T ขณะที่หุ้นในหมวด NC ระยะที่ 2 มีอยู่ 3 บริษัท ได้แก่ THL, ASCON และ SINGHA ส่วนที่อยู่ในระยะที่ 1 คือ SCAN และ SMC นอกจากนี้ ยังมีบริษัทจดทะเบียนที่เข้าข่ายถูกเพิกถอนด้วยเหตุผลอื่น อีก 3 บริษัท ได้แก่ YNP, BLISS และ PRO

สำหรับหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนที่อาจถูกเพิกถอน กรณีการดำเนินงานและฐานะทางการเงินตามข้อ 9 (6) ของข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ฯ เรื่องการเพิกถอนหลักทรัพย์จดทะเบียน กำหนดไว้ดังนี้ 1.สินทรัพย์ที่ใช้ในการดำเนินการลดลง หรือกำลังลดลงในจำนวนที่มีนัยสำคัญ เนื่องมาจากการขาย จำหน่าย การให้เช่า การแยกส่วนออกไป การหยุดผลิต การละทิ้ง การเสื่อมคุณภาพ การถูกยึด การเวนคืน ฯลฯ

2.มีการหยุดประกอบกิจการทั้งหมด หรือเกือบทั้งหมดไม่ว่าด้วยเหตุใด โดยไม่คำนึงว่าการกระทำนั้นจะมาจากบริษัท หรือบุคคลอื่นใด 3.ผู้สอบบัญชีรายงานว่าไม่แสดงความเห็น หรือแสดงความเห็นว่างบบัญชีไม่ถูกต้องเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน และ 4.ฐานะการเงินซึ่งเปิดเผยในงบการเงิน หรืองบการเงินรวมฉบับล่าสุด ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีแล้วแสดงว่าผู้ถือหุ้นมีค่าน้อยกว่าศูนย์

ดังนั้น เพื่อให้บริษัทจดทะเบียนมีแนวทางในการแก้ไขอย่างชัดเจน และเพื่อสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้นรายย่อย ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงมีวิธีดูแลบริษัทที่มีฐานะการเงินไม่แข็งแรง โดยนำมาแยกกลุ่มออกจากบริษัทจดทะเบียนที่มีฐานะการเงินแข็งแรง เพื่อกระตุ้นให้บริษัทเหล่านั้นเร่งฟื้นฟูกิจการ โดยจะขึ้นเครื่องหมาย NC เพื่อแสดงให้ผู้ลงทุนทราบว่าเป็นหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายเพิกถอน พร้อมขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension) เพื่อสั่งห้ามซื้อขาย และให้เวลา 2 ปีในการฟื้นฟูกิจการ

หากภายใน 2 ปี บริษัทสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ตามข้อบังคับของ ตลท. จะถูกปลดเครื่องหมาย NC และ SP ออก และสามารถกลับมาซื้อขายหลักทรัพย์ได้ตามปกติ แต่หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาตามระยะเวลาที่กำหนดภายใน 2 ปีได้ ตลท.จะถอนชื่อออกจากกระดานซื้อขายหลักทรัพย์ และย้ายบริษัทนั้นไปอยู่ในกลุ่ม NPG ซึ่งให้เวลาในการแก้ไข 3 ระยะ และยังคงสถานะการเป็นบริษัทจดทะเบียนซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการเปิดเผยข้อมูล และปฏิบัติตามข้อตกลงการเป็นบริษัทจดทะเบียน จนกว่าจะดำเนินการแก้ไขได้ตามข้อบังคับที่กำหนดไว้

ส่วนหลักเกณฑ์ในการเพื่อขอพ้นเหตุเพิกถอน คือ 1.ส่วนของผู้ถือหุ้นต้องไม่ต่ำกว่า 20ล้านบาท สำหรับตลาด mai และ 300 ล้านบาท สำหรับ SET 2.ตลท.จะพิจารณางบการเงินประจำปี หรืองบการเงิน 4 ไตรมาสที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีแล้วพบว่า มีกำไรสุทธิ และมีกำไรสุทธิในงวดสะสมก่อนยื่นคำขอ กรณีซื้อขายใน mai ส่วน SET ต้องมีกำไรสุทธิไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิในงวดสะสมก่อนยื่นคำขอ
3.ปรับโครงสร้างหนี้ได้มากกว่าร้อยละ 75 ของมูลหนี้บริษัททั้งหมด บริษัทสามารถจ่ายหนี้แก่เจ้าหนี้ได้ตามกำหนดเวลา แผนปรับโครงสร้างหนี้คำนึงถึงสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้นรายย่อย 4.ตลท.เห็นว่าบริษัทมีฐานะการเงิน และผลดำเนินงานที่มั่นคงตามสภาพของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยพิจารณาจากกระแสเงินสดประกอบด้วย 5.มีคุณสมบัติตามเกณฑ์การดำเนิสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนก่อนขอพ้นเหตุเพิกถอน และ 6.บริษัทที่ฟื้นฟูกิจการตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย บริษัทต้องออกจากการฟื้นฟูกิจการผ่านศาล
กำลังโหลดความคิดเห็น