“โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย)” งวดสิ้นปีกำไรหดเหลือ 373.91 ล้านบาท ลดลง 983.64 ล้านบาท หรือ 72.45% เหตุมีผู้ผลิตรายใหม่เข้ามาในตลาดซึ่งมากกว่าความเติบโตของความต้องการ ทำให้ราคาขายปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเกิดจากค่าใช้จ่ายบริหารของบริษัทย่อยในประเทศสหรัฐอเมริกา และตุรกีเพิ่มขึ้น
นายโรฮิท กุมาร์ วาฮิททรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PTL แจ้งผลงานงวดสิ้นปี 55 ว่า บริษัทกำไรสุทธิ 373.91 ล้านบาท ลดลง 983.64 ล้านบาท หรือลดลงคิดเป็น 72.45% เมื่อเทียบกับปีบัญชีเดียวกันกับปีก่อนเนื่องจากมีผู้ผลิตรายใหม่เข้ามาในตลาดซึ่งมากกว่าความเติบโตของความต้องการ ทำให้ราคาขายปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเกิดจากค่าใช้จ่ายบริหารของบริษัทย่อยในประเทศสหรัฐอเมริกา และตุรกีเพิ่มขึ้น ซึ่งมีโครงการใหม่ (สายการผลิตแผ่นฟิล์มบาง และสายการผลิตเม็ดพลาสติกประเภทขวด (Bottle Grade) ตามลำดับ) ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ ส่งผลให้อัตรากำไร และผลกำไรลดลงอย่างมากในปีบัญชีปัจจุบัน
โดยงวดนี้บริษัท และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายรวมลดลงจาก 10,143.11 ล้านบาท เป็น 9,230.02 ล้านบาท ซึ่งลดลง 913.09 ล้านบาท หรือลดลงคิดเป็น 9% สาเหตุหลักของการลดลงของรายได้ เนื่องมาจากราคาขายลดลงเมื่อเทียบกับปีบัญชีก่อน เนื่องจากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของตลาดซึ่งได้กล่าวไว้ข้างต้นซึ่งราคาขายที่ลดลงนี้ได้ชดเชยกับปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์ใหม่คือ สายการผลิตแผ่นฟิล์มเคลือบซิลิโคนในประเทศไทย ขณะรายได้อื่นก็ลดลง แต่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น
นายโรฮิท กุมาร์ วาฮิททรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PTL แจ้งผลงานงวดสิ้นปี 55 ว่า บริษัทกำไรสุทธิ 373.91 ล้านบาท ลดลง 983.64 ล้านบาท หรือลดลงคิดเป็น 72.45% เมื่อเทียบกับปีบัญชีเดียวกันกับปีก่อนเนื่องจากมีผู้ผลิตรายใหม่เข้ามาในตลาดซึ่งมากกว่าความเติบโตของความต้องการ ทำให้ราคาขายปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเกิดจากค่าใช้จ่ายบริหารของบริษัทย่อยในประเทศสหรัฐอเมริกา และตุรกีเพิ่มขึ้น ซึ่งมีโครงการใหม่ (สายการผลิตแผ่นฟิล์มบาง และสายการผลิตเม็ดพลาสติกประเภทขวด (Bottle Grade) ตามลำดับ) ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ ส่งผลให้อัตรากำไร และผลกำไรลดลงอย่างมากในปีบัญชีปัจจุบัน
โดยงวดนี้บริษัท และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายรวมลดลงจาก 10,143.11 ล้านบาท เป็น 9,230.02 ล้านบาท ซึ่งลดลง 913.09 ล้านบาท หรือลดลงคิดเป็น 9% สาเหตุหลักของการลดลงของรายได้ เนื่องมาจากราคาขายลดลงเมื่อเทียบกับปีบัญชีก่อน เนื่องจากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของตลาดซึ่งได้กล่าวไว้ข้างต้นซึ่งราคาขายที่ลดลงนี้ได้ชดเชยกับปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์ใหม่คือ สายการผลิตแผ่นฟิล์มเคลือบซิลิโคนในประเทศไทย ขณะรายได้อื่นก็ลดลง แต่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น
