“เอสซี” ยังคงยืนแผนธุรกิจเดินหน้าเปิด 13 โครงการใหม่ ในปี 56 เผยไตรมาส 2 ลุย 3 คอนโดฯ แบรนด์ “เซ็นทริค” มูลค่ากว่า 7,800 ล้านบาท มั่นใจทั้งปียอดขายตามเป้า 15,000 ล้าน ส่วนผลประกอบการงวดแรกมีกำไรสุทธิ 225 ล้าน ผู้ถือหุ้นรับทรัพย์เงินปันผล
นางบุษบา ดามาพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC กล่าวยืนยันว่า แผนการเปิด 13 โครงการใหม่ ในปี 2556 มูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท ยังคงเป็นไปตามแผนธุรกิจ ซึ่งในไตรมาส 1 ได้เปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 2,060 ล้านบาท ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียม แชมเบอร์ส รามอินทรา และโครงการบ้านเดี่ยว ไลฟ์ บางกอก บูเลอวาร์ด รังสิต ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ปัจจุบัน บริษัทฯ มีโครงการที่อยู่อาศัยที่เปิดขายอยู่รวม 26 โครงการ มูลค่าโครงการคงเหลือเพื่อขาย 17,000 ล้านบาท โดยเป็นโครงการแนวราบ 18 โครงการ และโครงการแนวสูง 8 โครงการ และมียอดขายรอโอนประมาณ 8,650 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2556-2558
สำหรับไตรมาส 2 บริษัทฯ เตรียมเปิด 3 คอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์ “เซ็นทริค” มูลค่าโครงการรวมกันกว่า 7,800 ล้านบาท โดย 2 โครงการอยู่ในกรุงเทพฯ บริเวณทำเลรถไฟฟ้าสถานีรัชดา-ห้วยขวาง และสถานีอารีย์ ส่วนอีก 1 โครงการอยู่ที่พัทยาเมืองท่องเที่ยวชายทะเล อีกทั้งยังมีโครงการคอนโดมิเนียม เดอะ เครสท์ สุขุมวิท 24 ที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จ และเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ได้ในปลายไตรมาส 2 เช่นกัน
“จากแผนการก่อสร้าง และการเปิดโครงการใหม่ที่สามารถดำเนินการได้ตามแผนธุรกิจที่ตั้งไว้ รวมทั้งการตอบรับของลูกค้า ทำให้บริษัทฯ มีความมั่นใจ และยืนยันเป้าหมายยอดขาย 15,000 ล้านบาท ในปีนี้ และเชื่อมั่นว่าเอสซี แอสเสท จะประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้” นางบุษบากล่าว
ในส่วนของผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 56 บริษัทฯ มียอดขาย 2,255 ล้านบาท มีรายได้รวม 1,759 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการดำเนินงาน 1,756 ล้านบาท รายได้หลักมาจากการขายโครงการที่อยู่อาศัย 1,555 ล้านบาท และรายได้จากอาคารสำนักงานให้เช่า 202 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 225 ล้านบาท (รวมการดำเนินการตามมาตรฐานการบัญชี เรื่องภาษีเงินได้) ณ วันที่ 31 มีนาคม 2556 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมและหนี้สินรวม เท่ากับ 24,449 ล้านบาท และ 14,673 ล้านบาท ตามลำดับ
ปัจจุบัน บริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 4 พันล้านบาท มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 3.29 พันล้านบาท และได้เปลี่ยนมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จาก 5 บาท เป็น 1 บาท ตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2556 โดยเริ่มซื้อขายด้วยมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ใหม่ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2556 และในวันที่ 17 พฤษภาคม 2556 นี้ บริษัทฯ จะมีการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.1574 บาท/หุ้น โดยเป็นหุ้นปันผล 8 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล และเงินปันผลที่เป็นเงินสดในอัตรา 0.0324 บาท/หุ้น
อนึ่ง ภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 8 พ.ค.56 ได้แก่ อันดับ 1 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จำนวน 960,908,540 หุ้น คิดเป็น 29.13%, อันดับ 2 น.ส.พินทองทา ชินวัตร จำนวน 929,908,540 หุ้น คิดเป็น 28.19% อันดับ 3 นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ 159 ล้านหุ้น คิดเป็น 4.82% อันดับ 5 คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ จำนวน 92,531,270 คิดเป็น 2.81%
ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี) ถือหุ้นในอันดับที่ 11 โดย บลจ.แอสเซทพลัส จำกัด จำนวน 27,830,000 คิดเป็น 0.84%