เล็งรายตัว
ตลาดหุ้นดีดตัวกลับขึ้นมาใหม่แม้ไม่มีปัจจัยชี้นำ แต่ตัวแปรมาตรการสกัดค่าเงินบาทมีความชัดเจนแล้ว โดยระยะสั้นยังไม่มีมาตรการใดออกมา ทำให้นักลงทุนหมดความกังวล และทยอยกลับเข้ามาเก็บหุ้นกันใหม่ เพียงแต่ยังไม่กล้าผลีผลามลุย ทำให้ดัชนีแกว่งตัวขึ้นในช่วงแคบๆ
ดัชนีวันนี้ปิดที่ 1,623.48 จุด เพิ่มขึ้น 5.75 จุด มูลค่าซื้อขายทั้งสิ้น 50,774 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 982 ล้านบาท
แม้จะไม่มีข่าวดีชิ้นใหม่เข้ามากระตุ้น แต่ก็ปราศจากข่าวร้ายที่จะกระทบตลาด ทำให้ดัชนีสามารถประคับประคองตัวขึ้นมาได้ และมีแนวโน้มว่าจะแกว่งตัวขึ้นจนมีโอกาสทะลุ 1,650 จุดในรอบนี้ แต่แม้แรงโน้มถ่วงจะเป็นขาขึ้นนักลงทุนก็ไม่ง่ายที่จะทำกำไร เพราะหุ้นจะชึ้นเป็นรายตัวซึ่งกระจัดกระจายไปในกลุ่มต่างๆ ซึ่งหากซื้อหุ้นไม่ถูกตัวก็ไม่ได้สตางค์เหมือนกัน
หุ้นขนาดใหญ่อาจต้องพักฐานชั่วคราว เนื่องจากราคาขยับขึ้นมาต่อเนื่องรองรับความคาดหวังผลประกอบการล่วงหน้าแล้ว ส่วนหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็กแม้จะมีแรงซื้อเข้ามาใหม่ แต่ปริมาณตัวที่ขึ้นอย่างคึกคักก็มีจำกัด ทำให้มีตัวหุ้นที่จะเลือกเล่นน้อยการลงทุนระยะสั้นจึงไม่ง่าย
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนรายย่อยช่วงนี้ให้น้ำหนักในทางขายมากกว่าซื้อ ซึ่งอาจเป็นกลยุทธ์ที่ถูกเพราะราคาหุ้นปัจจุบันไม่ต่ำแล้ว และแม้ไม่มีสัญญาณการปรับฐาน แต่ถ้ามีข่าวร้ายที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายเข้ามากระทบ ตลาดก็อาจปรับตัวแรงได้เหมือนกัน นักลงทุนรายย่อยบางส่วนจึงหันมาให้น้ำหนักการถือเงินสดเพื่อรอจังหวะซื้อหุ้นคืนเมื่อเกิดการปรับฐาน
ตลาดหุ้นดีดตัวกลับขึ้นมาใหม่แม้ไม่มีปัจจัยชี้นำ แต่ตัวแปรมาตรการสกัดค่าเงินบาทมีความชัดเจนแล้ว โดยระยะสั้นยังไม่มีมาตรการใดออกมา ทำให้นักลงทุนหมดความกังวล และทยอยกลับเข้ามาเก็บหุ้นกันใหม่ เพียงแต่ยังไม่กล้าผลีผลามลุย ทำให้ดัชนีแกว่งตัวขึ้นในช่วงแคบๆ
ดัชนีวันนี้ปิดที่ 1,623.48 จุด เพิ่มขึ้น 5.75 จุด มูลค่าซื้อขายทั้งสิ้น 50,774 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 982 ล้านบาท
แม้จะไม่มีข่าวดีชิ้นใหม่เข้ามากระตุ้น แต่ก็ปราศจากข่าวร้ายที่จะกระทบตลาด ทำให้ดัชนีสามารถประคับประคองตัวขึ้นมาได้ และมีแนวโน้มว่าจะแกว่งตัวขึ้นจนมีโอกาสทะลุ 1,650 จุดในรอบนี้ แต่แม้แรงโน้มถ่วงจะเป็นขาขึ้นนักลงทุนก็ไม่ง่ายที่จะทำกำไร เพราะหุ้นจะชึ้นเป็นรายตัวซึ่งกระจัดกระจายไปในกลุ่มต่างๆ ซึ่งหากซื้อหุ้นไม่ถูกตัวก็ไม่ได้สตางค์เหมือนกัน
หุ้นขนาดใหญ่อาจต้องพักฐานชั่วคราว เนื่องจากราคาขยับขึ้นมาต่อเนื่องรองรับความคาดหวังผลประกอบการล่วงหน้าแล้ว ส่วนหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็กแม้จะมีแรงซื้อเข้ามาใหม่ แต่ปริมาณตัวที่ขึ้นอย่างคึกคักก็มีจำกัด ทำให้มีตัวหุ้นที่จะเลือกเล่นน้อยการลงทุนระยะสั้นจึงไม่ง่าย
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนรายย่อยช่วงนี้ให้น้ำหนักในทางขายมากกว่าซื้อ ซึ่งอาจเป็นกลยุทธ์ที่ถูกเพราะราคาหุ้นปัจจุบันไม่ต่ำแล้ว และแม้ไม่มีสัญญาณการปรับฐาน แต่ถ้ามีข่าวร้ายที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายเข้ามากระทบ ตลาดก็อาจปรับตัวแรงได้เหมือนกัน นักลงทุนรายย่อยบางส่วนจึงหันมาให้น้ำหนักการถือเงินสดเพื่อรอจังหวะซื้อหุ้นคืนเมื่อเกิดการปรับฐาน