เงินบาทกลับมาแข็งค่า “หุ้น-ทอง” ร่วง ผิดหวังไม่คลอดมาตรการพิเศษ

เผยเงินบาทกลับมาแข็งค่า ส่วนหุ้นร่วง 4 จุด ทองปรับ 5 ครั้ง ราคาร่วงลง 250 บาท ทองคำรูปพรรณ ขายออก 20,600 บาท หลังประชุมนัดพิเศษ “คลัง-ธปท.-กนง.-เอกชน” ไม่มีการประกาศมาตรการพิเศษดูแลเงินทุนไหลเข้า

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดช่วงเย็นที่ระดับ 29.71-29.73 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นจากช่วงเช้าที่เคลื่อนไหวระดับ 29.83-28.85 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หลังจากการประชุมร่วมระหว่างนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และภาคเอกชน ไม่มีการประกาศมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้า ทำให้เงินบาทกลับมาเคลื่อนไหวแข็งค่าอีกครั้ง ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับเมื่อวันศุกร์

โดยทิศทางเงินบาทในระยะนี้ผันผวนตามกระแสข่าว เนื่องจากยังคลุมเครือว่า ธปท. จะใช้ 4 มาตรการแก้ปัญหาค่าบาทแข็งเมื่อไร เป็นปัจจัยที่คาดเดาไม่ได้ รวมทั้งต้องติดตามการประชุม กนง. ในวันที่ 29 พ.ค.นี้ ว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่

ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำผันผวนเปลี่ยนแปลงถึง 5 ครั้ง ปรับลดลง 250 บาทต่อบาททองคำ โดยทองแท่ง ขายออกที่ 20,200 บาท ทองคำรูปพรรณ ขายออก 20,600 บาท หลังจากที่ราคาทองในตลาดโลกหลุดแนวรับที่ 1,440 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทำให้มีแรงเทขาย ประกอบกับตลาดทองคำจับตามองการประชุมเรื่องค่าเงินบาท และเมื่อผลประชุมออกมาว่าไม่มีมาตรการพิเศษในการดูแลค่าเงินบาท ทำให้เกิดความกังวลว่าค่าเงินบาทจะกลับมาแข็งค่า และกดดันราคาทองคำในประเทศให้ต่ำลงอีกได้

บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด วิเคราะห์ว่า ผลการประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มประเทศ G7 ที่แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการอ่อนค่าของเงินเยน อาจเป็นสัญญาณที่สนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลบวกต่อทิศทางราคาทองคำ แต่กระแสข่าวที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจยุติ เบื้องต้น วายแอลจีฯ ประเมินว่าราคาทองคำในช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงของการพักฐาน หากราคาทองคำยืนเหนือบริเวณ 1,418-1,411 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำจะดีดตัวขึ้นไปทดสอบบริเวณ 1,443 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 1,454 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ส่วนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ดัชนีแกว่งตัวในแดนบวกและลบสลับกัน แต่มีแรงเทขายหุ้นที่มาร์เกตแคปขนาดใหญ่ในช่วงบ่าย หลังจากทราบผลการประชุมร่วมนัดพิเศษ เพื่อแก้ปัญหาเงินบาทว่า ไม่มีการประกาศมาตรการพิเศษ ทำให้นักลงทุนกังวลว่าเงินบาทอาจจะกลับมาแข็งค่าได้อีก และขณะเดียวกัน รอการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1/2556 จากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในวันที่ 20 พ.ค.2556 โดยดัชนีสูงสุดที่ระดับ 1,625.64 จุด ต่ำสุดที่ระดับ 1,608.59 จุด และปิดการซื้อขายที่ 1,617.73 จุด ลดลง 4.75 จุด หรือร้อยละ 0.29 มูลค่าการซื้อขาย 42,757.30 ล้านบาท ด้านตลาดเอ็มเอไอ ปิดที่ระดับ 495.87 จุด ลดลง 1.51 จุด หรือร้อยละ 0.30 มูลค่าการซื้อขาย 3,470.80 ล้านบาท

ด้านสัดส่วนการลงทุน นักลงทุนสถาบัน ขายสุทธิ 172.20 ล้านบาท พอร์ตบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 328.21 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 1,611.48 ล้านบาท และรายย่อย ขายสุทธิ 1,111.07 ล้านบาท