โรงรับจำนำรัฐสั่งคุมราคาทองบาทละไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท กำชับตรวจเข้มทองปลอม ลั่นเตรียมพร้อมรับเปิดเทอม ใส่เงินเพิ่มให้อีก 1.2 พันล้าน
นายนิธิศ มนุญพร ผู้อำนวยการสำนักงานธนานุเคราะห์ หรือโรงรับจำนำของรัฐ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา โรงรับจำนำรัฐทั้งหมดได้ปรับอัตราการรับจำนำทองคำจาก 70% มาอยู่ที่ 75% ของราคาทองคำที่สมาคมค้าทองคำประกาศ และกำหนดวงเงินการรับจำนำทองคำไว้แค่บาทละไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท
สาเหตุที่ต้องปรับขึ้น เนื่องจากในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ราคาทองคำมีความผันผวนมาก และปรับลดลงต่ำกว่าบาทละ 2 หมื่นบาท ทำให้ต้องปรับลดอัตราการรับจำนำทองคำจากประชาชนลงมา เมื่อสถานการณ์กลับสู่ปกติก็ได้มีการปรับอัตราการรับจำนำทองคำเพิ่มขึ้น
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา สำนักงานธนานุเคราะห์ได้สั่งปรับเปลี่ยนราคาการรับจำนำทองคำ จากเดิมให้ราคาสูงถึง 87.5% ของราคาตลาด ลงมาเหลือแค่ 70% ของราคาตลาด หรือรับจำนำราคาแค่บาทละ 1.3 หมื่นบาท
“ในช่วงราคาทองคำต่ำกว่า 2 หมื่นบาทที่ผ่านมา และมีเพียงบางช่วงที่ราคาซื้อต่ำกว่าราคารับจำนำ แต่ไม่ได้ทำให้โรงรับจำนำของรัฐขาดทุน เพราะส่วนใหญ่ลูกค้ายังไม่ครบกำหนดการไถ่ถอน โดยอัตราการปล่อยให้สินทรัพย์หลุดจำนำก็ยังคงเป็นไปตามปกติ” นายนิธิศ กล่าว
ขณะเดียวกัน มีคำสั่งให้โรงรับจำนำของรัฐต้องมีมาตรการเข้มงวดในการตรวจสอบการรับจำนำทองคำ รวมทั้งผู้จัดการสาขาโรงรับจำนำของรัฐส่วนใหญ่มีประสบการณ์ในการดูทองคำ เนื่องจากมีแก๊งมิจฉาชีพนำทองคำปลอมมาจำนำ แต่เบื้องต้น ยังไม่พบการนำทองคำปลอมมาจำนำ แต่การรับจำนำจะมีบัตรประชาชนที่สามารถตรวจสอบได้ หากพบว่ามีการจำนำทองคำปลอมจะดำเนินการตามกฎหมายทันที
นอกจากนี้ โรงรับจำนำรัฐได้ประสานงานกับตำรวจในการนำรายชื่อแก๊งที่ตระเวนรับจำนำทองคำปลอมมาตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่าเป็นลูกค้าของโรงรับจำนำของรัฐ
สำหรับช่วงเปิดเทอมนี้ โรงรับจำนำของรัฐได้จัดเตรียมเงินไว้ประมาณ 1,200 ล้านบาท เพื่อแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ซึ่งปกติจะมีผู้มาใช้บริการเพิ่มขึ้น 20-30% และลดดอกเบี้ยลงเหลือเดือนละ 1% เหลือ 0.75%
ขณะที่สำนักงานสถานธนานุบาล หรือโรงรับจำนำ กทม. ได้เตรียมเงินสำรองไว้ 1,100 ล้านบาท