สศค. เผย 2 แบงก์รัฐยังไม่พ้นเตียงไอซียู หลังให้ยา 2 เดือน แต่สินเชื่อยังทรุดไม่หยุด ยอมรับขาดทุนบาน ยอดรวมกันสูงกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานตัวเลขผลดำเนินงานของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ณ สิ้นเดือน ก.พ.2556 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า เอสเอ็มอีแบงก์มียอดสินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นเดือน ก.พ.อยู่ที่ 9.6 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับเดือน ม.ค.ที่มียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 9.63 หมื่นล้านบาท หรือลดลงกว่า 300 ล้านบาท และมียอดขาดทุนสะสมถึง 9.94 พันล้านบาท
ขณะที่ไอแบงก์มียอดสินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นเดือน ก.พ.อยู่ที่ 1.15 แสนล้านบาท ลดลงจากเดือน ม.ค.ที่มียอดสินเชื่อคงค้างกว่า 1.17 แสนล้านบาท หรือลดลงประมาณ 2 พันล้านบาท และมียอดขาดทุนสะสมถึง 7.68 พันล้านบาท
การขาดทุนสะสมของเอสเอ็มอีแบงก์ และไอแบงก์ เกิดจากการที่สินเชื่อไม่ขยายตัว ขณะที่ธนาคารทั้ง 2 แห่งยังมีหนี้เสียจึงต้องตั้งสำรองเพิ่ม โดยเอสเอ็มอีแบงก์มีหนี้เสียราว 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งการแก้หนี้ตามแผนฟื้นฟูยังไม่มีความคืบหน้า เพราะขาดคนบริหารจัดการ ยังไม่สามารถหาข้อสรุปเรื่องการเลือกตัวกรรมการผู้จัดการคนใหม่ได้
ทั้งนี้ แม้ว่าที่ผ่านมาทางธนาคารจะรายงานว่าสามารถแก้หนี้เสียได้ 3 พันล้านบาทในไตรมาสแรก แต่ยังไม่สามารถนำเอกสารมาชี้แจงให้กระทรวงการคลังได้รับทราบอย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน พบว่าในช่วงที่ผ่านมามีลูกหนี้ปกติที่ตกชั้นกลายเป็นหนี้เสียไปแล้วกว่า 600 ล้านบาท
ด้านไอแบงก์มียอดหนี้เสีย 2.4 หมื่นล้านบาท โดยตั้งเป้าแก้หนี้ 3 ปี เฉลี่ยปีละ 6 พันล้านบาท โดยที่ผ่านมา ไอแบงก์แจ้งว่าแก้หนี้ได้ 2 พันล้านบาท แต่ยังไม่สามารถชี้แจงในรายละเอียดที่ชัดเจนได้เช่นกัน
โดยก่อนหน้านี้ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.การคลัง ในฐานะกำกับดูแลธนาคารเอสเอ็มอีแบงก์ ระบุว่า แผนการแก้ไขหนี้เสียของเอสเอ็มอียังไม่สามารถทำได้เต็มศักยภาพตามที่กำหนด เนื่องจากยังไม่มีกรรมการผู้จัดการ ทำให้ไม่มีคนเข้าทำงานที่ชัดเจน ตนจึงได้เร่งให้คณะกรรมการสรรหาเร่งดำเนินการสรรหาตัวกรรมการผู้จัดการคนใหม่ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนนี้
