“กิตติรัตน์” เผยผลการหารือ 3 หน่วยงาน ศก. ดูแลค่าบาทยังไม่มีมาตรการเสริม ลั่นหาก กนง. คงดอกเบี้ย 2.75% ต้องมีมาตรการดูแลค่าเงินที่จะนำมาใช้ได้ทันที เพื่อชะลอการไหลเข้าของเงินทุน เตรียมนำผลหารือแจ้งในรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” พร้อมรายงานนายกรัฐมนตรี
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยผลการประชุมหน่วยงานเศรษฐกิจ 3 หน่วยงาน คือ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อหารือสถานการณ์ค่าเงินบาท และแนวทางการบริหารจัดการค่าเงินบาท
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีความเห็นตรงกันว่า ค่าเงินบาทสัปดาห์ที่แล้ว และต้นสัปดาห์ที่ค่าเงินแข็งค่าต่ำกว่า 29 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เป็นระดับที่แข็งค่าเกินไป และเสี่ยงเกิดผลกระทบต่อการส่งออก เสถียรภาพ และอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจ และเห็นร่วมกันว่า หากอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.75% จะต้องมีมาตรการเสริมเพื่อชะลอการไหลเข้าของเงินทุน และสามารถดำเนินการได้ทันที
“ที่ประชุมฯ ยังได้ฝากให้ผู้ว่าการ ธปท.ไปหารือในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว โดยพิจารณาถึงข้อดี ข้อเสีย และความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการลดอัตราดอกเบี้ย”
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ที่ประชุมฯ ยังมีความเห็นตรงกันว่า ในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว และต้นสัปดาห์นี้อัตราแลกเปลี่ยนของไทยที่ค่าเงินบาทยืนอยู่ต่ำกว่า 29 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ถือว่าเป็นระดับที่แข็งค่าเกินไป และมีความเสี่ยงต่อภาคส่งออก ซึ่งส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจได้
“ที่ประชุมมีความเห็นร่วมกัน คือ หากคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.75% โดยไม่มีมาตรการเสริมในการชะลอการไหลเข้าของเงิน ก็อาจจะทำให้มีการไหลเข้าของเงินอย่างที่เห็นกัน และทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น”
นายกิตติรัตน์ ระบุว่า ธปท.รายงานที่ประชุมว่า มีแนวทางที่เตรียมเอาไว้ในเรื่องต่างๆ ที่จะดูแลอัตราแลกเปลี่ยน แต่แนวทางต่างเหล่านั้นยังไม่มีความจำเป็นที่จะนำมาใช้แต่อย่างใด เนื่องจากภาวะตลาดที่มีการเก็งกำไรค่าเงินมาผสมเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ได้คลายตัวลง หลังมีแนวคิดการออกมาตรการดูแลค่าเงินออกสู่ตลาด
นายกิตติรัตน์ ย้ำอีกว่า สำหรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่มีการพูดกันนั้น ที่ประชุมมีความเห็นตรงกันในหลักการว่า หากอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดต่ำลง ก็จะทำให้แรงจูงใจเงินทุนไหลเข้าที่มาลงทุนในตราสารทางการเงิน โดยเฉพาะตราสารหนี้ก็จะลดน้อยลง แต่การตัดสินใจเป็นอำนาจ และหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานยอมรับว่าการลดอัตราดอกเบี้ยมีข้อดี และเข้าใจว่ามีผลข้างเคียง ซึ่งจะได้นำข้อสรุปผลดี และผลข้างเคียงที่ได้วิเคราะห์ถี่ถ้วนแล้วนำเสนอ กนง.เพื่อการพิจารณา โดยเฉพาะเสนอข้อมูลให้กรรมการ กนง. ทั้ง 4 คน ที่ไม่ได้มาจาก ธปท. เพื่อให้มีสิทธิได้ข้อมูลที่ครบถ้วน ชัดเจน และถูกต้องเพื่อที่จะตัดสินใจได้
ด้านนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. ระบุหลังการประชุมโดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ได้มีการหารือกัน และมีแนวทางแล้ว โดยผลการหารือครั้งนี้ นายกิตติรัตน์ จะนำผลการหารือทั้งหมดรายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ และนายกิตติรัตน์ จะแจ้งรายละเอียดถึงการดำเนินนโยบายของรัฐบาลในการดูแลค่าเงินบาท ในรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน”