xs
xsm
sm
md
lg

ทีดีอาร์ไอห่วงโครงการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท อาจไม่คุ้มค่า เพราะบางอย่างขาดทุนมานาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ทีดีอาร์ไอห่วงโครงการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ที่เป็นการวางแผนการลงทุนระยะยาวต่อเนื่องของภาครัฐ โดยเฉพาะการขนส่งระบบรางที่ไทยขาดการลงทุนด้านนี้มานาน อาจไม่คุ้มค่าเศรษฐกิจ

นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวในงานสัมมนาสาธารณะเรื่อง “ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เดินหน้าอย่างไรให้ถูกทาง คุ้มค่า และเป็นประชาธิปไตย” โดยมองว่า ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ดังกล่าว เป็นการวางแผนการลงทุนระยะยาวต่อเนื่องของภาครัฐ โดยเฉพาะการขนส่งระบบรางที่ไทยขาดการลงทุนด้านนี้มานาน หากดำเนินการอย่างรอบคอบ และคุ้มค่าจะสร้างรากฐานให้ประเทศในระดับความเสี่ยงทางการคลังที่ยอมรับได้

อย่างไรก็ตาม ทีดีอาร์ไอมีข้อกังวลในร่าง พ.ร.บ. ส่วนของการใช้เงินนอกงบประมาณที่ให้อำนาจสภาร่วมพิจารณาเพียงครั้งเดียว ซึ่งมองว่าไม่เป็นประชาธิปไตย 100% การศึกษาความเหมาะสม และความเป็นไปได้ของโครงการ โดยเฉพาะผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ยังไม่ชัดเจน อาจทำให้ดำเนินโครงการไม่ต่อเนื่อง และไม่คุ้มค่าลงทุน และความไม่ชัดเจนในหน่วยงานที่บริหารจัดการโครงการว่าเป็นโครงการเพื่อให้บริการสังคมที่สามารถขาดทุนได้ หรือเป็นโครงการที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ที่จะนำไปสู่ความเสี่ยงด้านการคลัง

ทั้งนี้ เสนอว่ารัฐบาลต้องเพิ่มบทบาทฝ่ายนิติบัญญัติในการกลั่นกรองโครงการให้สมดุลกับฝ่ายบริหาร โดยเพิ่มรายละเอียดแนบท้าย พ.ร.บ. ที่ต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการทุกโครงการ และอาจออก พ.ร.บ. ยกระดับเพดานกู้เงินในงบประมาณชั่วคราวแนบท้ายไปด้วยหากต้องลงทุนเพิ่มเกินระยะการลงทุน 7 ปีนี้ รวมทั้งจัดทำงบประมาณรายจ่ายระยะปานกลางเสนอต่อรัฐสภา และประชาชนทุกปี เพื่อประเมินความเสี่ยงทางการคลัง ซึ่งจำเป็นต้องมีหน่วยงานกลาง และผู้ตรวจสอบอิสระเข้ามาตรวจสอบให้ชัดเจน

นายสมชัย กล่าวอีกว่า ทีดีอาร์ไอประเมินเบื้องต้นว่า การลงทุนดังกล่าวจะทำให้รายจ่ายประจำเพิ่มประมาณร้อยละ 6.5-9 ต่อปี ซึ่งหากลงทุนคุ้มค่าจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ 8.25 ต่อปี ขณะที่มีการคงระดับหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไว้ที่ร้อยละ 54.7 ในปี 2563 ซึ่งไม่เกินระดับร้อยละ 60 ต่อจีดีพี แต่หากลงทุนไม่คุ้มค่าจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเพียงร้อยละ 7.5 ขณะที่ระดับหนี้สาธารณะจะเพิ่มสูงถึงร้อยละ 75 ต่อจีดีพีในปี 2563 อีกทั้งยังกระทบกับการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐในเรื่องสำคัญอื่นๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น