โมโน เทคโนโลยี ผู้นำ “Entertainment Content Creator” อันดับ 1 ของเมืองไทย เริ่มขยับตัวเตรียมนำหุ้นบริษัทเข้าจทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) หวังระดมทุนต่อยอดธุรกิจทั้งใน และต่างประเทศ รวมทั้งการเข้าร่วประมูลช่องสัญญาณโทรทัศน์ระบบดิจิตอล โดยคาดว่าน่าจะใช้งบลงทุนทั้งหมดประมาณ 2,000 ล้านบาท
นายนวมินทร์ ประสพเนตร ผู้ช่วยประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท โมโเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ยื่น Filing เพื่อเตรียมนำหุ้นบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ พร้อมเตรียมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 245 ล้านหุ้น โดยแต่งตั้งให้บริษัแอดไวเซอรี่พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมีบริษัทหลักทรัพย์ 2 แห่ง เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายแลรับประกันการจำหน่ายร่วม ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด(มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวงจำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา
โดยเงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทจะนำไปต่อยอดธุรกิจทั้งการขยายธุรกิจในต่างประเทศ การลงทุนเพิ่มในคอนเทนต์การลงทุนเพิ่มในอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การขยายพื้นที่สำนักงาน และการเข้าลงทุนในกิจการอื่นๆ ที่น่าสนใจ รวมทั้งการประมูลช่องสัญญาณโทรทัศน์ระบบดิจิตอล ซึ่งหากบริษัทประมูลได้ น่าจะต้องใช้เวลาลงทุนในช่วงปี 2556-2558 ด้วยงบลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท ในส่วนของธุรกิจในต่างประเทศคาดว่าบริษัทจะเริ่มลงทุนได้ภายในปี 2556-2558 เราจะมีการขยายการลงทุนเพิ่มในบริษัทย่อยในประเทศเกาหลี อินโดนีเซีย โดยใช้งบลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท และมีแผนลงทุนเพิ่มเติมในประเทศกลุ่ม AEC โดยจะใช้งบลงทุนประมาณ 350 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัท โมโนเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ถือเป็นผู้ให้บริการข้อมูลและสาระบันเทิงผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ สื่ออินเทอร์เน็ต โทรศัพท์เคลื่อนที่ และโทรศัพท์พื้นฐาน โดยบริษัท มีบริษัทลูกในเครือทั้งหมด 8 บริษัท โดยแบ่งการประกอบธุรกิจออกเป็น 2 สายธุรกิจ คือ 1.ธุรกิจสื่อและการให้บริการข้อมูล 2.ธุรกิจให้บริการด้านความบันเทิง ด้านธุรกิจสื่อ เช่น เว็บไซต์เอ็มไทย และธุรกิจโมโนโมบาย เป็นธุรกิจที่ให้บริการคอนเทนต์ผ่านระบบมือถือในรูปแบบ SMS, MMS, IVR, Mobile Internet (WAP) และ App. โดยเราผนึกกำลังกับ 3 โอปอเรเตอร์ คือ เอไอเอส ดีแทค และทรูมูฟเอช รวมทั้งยังมีพาร์ตเนอร์ เช่น สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี และสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 นอกจากนี้ เราเองได้มีการร่วมกับพันธมิตรในต่างประเทศ เช่น INDOSAT, TELKOMSEL, KT
“และเรายังมีพันธมิตรอีกหลายรายที่จะร่วมมือกันดำเนินธุรกิจในเร็วๆ นี้ด้วย สำหรับในประเทศไทยหลังจากที่ได้มีการประมูล 3G เสร็จสิ้นแล้ว แนวโน้มการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ ก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บริษัทสามารถสร้างสรรค์บริการ และเพิ่มรายได้ในช่องทางใหม่ๆ ด้วย” นายนวมินทร์ กล่าว
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ยังอยู่ที่ คุณพิชญ์ โพธารามิก ที่มีสัดส่วนถือหุ้น 87.11% หรือ 1,006,124,900 หุ้น และหลังเสนอขายหุ้น IPO สัดส่วนการถือหุ้นจะลดเหลือ 71.87% โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญ 1,400 ล้านหุ้น ซึ่งในปี 2555 บริษัทมีรายได้ 1,562 ล้านบาท กำไรสุทธิ 607 ล้านบาท และในปี 2556 คาดว่าจะมีรายได้ และกำไรสุทธิเติบโตอย่างน้อย 30% ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิในอดีต นอกจากนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษี และหลังหักสำรองตามกฎหมาย