ธปท. เผยกำลังทำการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับ พ.ร.บ. ให้อำนาจคลังกู้ 2 ล้านล้านบาท เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ชี้เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าจะสร้างหนี้ก้อนใหญ่ต่อประเทศต้องคุ้มค่า และโปร่งใส
นางรุ่ง โปษยานนท์ มัลลิกะมาส ผู้อำนวยการ สำนักเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในการสัมมนา เรื่องทางเลือกในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยระบุว่า ธปท. กำลังทำการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังในการกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงการคมนาคม จำนวน 2 ล้านล้านบาท ที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในขณะนี้ โดยเห็นว่าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเป็นสิ่งที่ดี เพื่อช่วยเสริมศักยภาพของประเทศในระยะยาว แต่ถ้ารัฐบาลจะสร้างหนี้ต้องมีความโปร่งใส และดูความคุ้มค่าในระยะยาวด้วย
ส่วนสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยดีขึ้น เชื่อว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะโตได้มากกว่าร้อยละ 4.9 เล็กน้อย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไป น่าจะอยู่ประมาณร้อยละ 3 ซึ่งทาง ธปท. จะมีการปรับประมาณการทั้งจีดีพี และตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ใหม่ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 3 เม.ย. นี้ หลังจากที่เศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ความกังวลต่อปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มยูโรลดลง แต่การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างยังต้องใช้เวลา
ดังนั้น การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกยังต้องอาศัยแรงขับเคลื่อนจากตลาดเกิดใหม่เป็นสำคัญ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการจ้างงาน และรายได้ที่สูง ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และนักธุรกิจอยู่ในเกณฑ์ดี ภาวะการเงินผ่อนคลายด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำที่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจไทย และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
ด้านนางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้มูลค่าการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศเร่งตัวขึ้นในช่วง 2 ปีหลัง โดยตัวเลขการลงทุนนักลงทุนไทยในต่างประเทศเพิ่มขึ้นจาก 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2552 เป็น 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2555 เนื่องจากโอกาสของการลงทุนมีมากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทขนาดกลาง และขนาดเล็กออกไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมพลังงาน ภาคการเงิน และภาคการผลิต ซึ่งภาคธุรกิจไทยควรใช้ประโยชน์จากโอกาสในตลาดต่างประเทศ ก่อนการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558