สมาคมโบรกฯ นัดถกทิศทางหุ้นไทย 26 มี.ค.นี้ เล็งเพิ่มหลักประกันเงินสด จาก 15% เป็น 20% พร้อมประเมินสถานการณ์ และแผนรับมือหากตลาดผันผวนแบบกะทันหัน พร้อมคาด เม.ย. ตลาดปรับฐานเพราะมีวันหยุดรับลมร้อนหลายวัน
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า วันที่ 26 มี.ค.นี้ สมาคมจะมีการประชุมสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อหารือถึงหลักเกณฑ์การเพิ่มหลักประกันของบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยเงินสด (แคชบาลานซ์) จากเดิม 15% เพิ่มเป็น 20% ซึ่งมองว่ามีผลกระทบต่อภาวการณ์ซื้อขายค่อนข้างน้อย ไม่ได้ทำให้นักลงทุนต้องวางเงินสดเพิ่ม เพราะลูกค้าก็มีหุ้นที่เป็นหลักประกันได้
นอกจากนี้ สมาคมยังจะมีการหารือถึงภาพรวมภาวะตลาดที่ปรับลดลงแรง และเร็วในสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อติดตามสถานการณ์ตลาด รวมถึงการดูแลลูกค้าของบริษัทสมาชิก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมามั่นใจว่าการดูแลลูกค้าของโบรกเกอร์แต่ละราย ทั้งวงเงินหลักประกัน และการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (มาร์จิ้นโลน) ยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทย มองว่าดัชนีน่าจะแกว่งและปรับฐานลดลงต่อเนื่องไปอีกระยะ เพราะในช่วงเดือน เม.ย. มีวันหยุดหลายวัน ทั้งในไทย และตลาดต่างประเทศ แต่เชื่อว่าคงไม่ถึงเดือนเพราะตลาดหุ้นไทยปรับตัวเร็ว
โดยช่วงนี้นักลงทุนอาจจะลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นลง โดยเฉพาะนักลงทุนที่ซื้อหุ้นเก็งกำไรสูง แต่แนะนำให้ขาย หรือเปลี่ยนมาลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี
นางภัทธีรา กล่าวว่า การที่หุ้นปรับฐานเป็นเรื่องดีเป็นสิ่งที่หลายคนอยากเห็น เพียงแต่ในรอบนี้เป็นการปรับฐานที่เร็ว และแรงเกินไป เหมือนช่วงที่ตลาดปรับขึ้น ซึ่งมองว่าตลาดคงจะปรับฐานต่อเนื่องไปสักระยะ แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นตลาดหมี เพราะภาพรวมตลาดหุ้นไทยในปีนี้ยังคงเป็นขาขึ้นอยู่
หลังจากตลาดหุ้นไทยปรับฐานในรอบนี้ ภาพรวมของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะชัดเจนมากขึ้น ทั้งปริมาณการซื้อขายที่อาจจะไม่สูงในระดับ 7-8 หมื่นล้านบาทเหมือนในปัจจุบัน เพราะการเก็งกำไรอาจจะปรับลดลง และจะเห็นภาพรวมของนักลงทุนหน้าใหม่ที่เข้ามาว่าเป็นอย่างไร จะอยู่นาน หรือแค่ชั่วคราว
ทั้งนี้ หากมองจากต้นปีจนถึงปัจจุบันการเปิดบัญชีใหม่เพิ่มขึ้นมาก ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ข้อมูลว่ามีประมาณ 4 หมื่นบัญชี และหากคิดเฉลี่ยทั้งระบบ พบว่ามีการเปิดบัญชีใหม่ประมาณ 50 บัญชีต่อวันต่อโบรกเบอร์ และหากเป็นโบรกเกอร์รายใหญ่ยอดก็จะสูงกว่านี้