หุ้นปิดครึ่งวันเช้าติดลบ 7.66 จุด ทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับฐาน ซึ่งได้รับผลกระทบ “วิกฤตไซปรัส” นักลงทุนผวาลามแผลเก่า “ยูโรโซน” ด้านโบรกฯ มองเป็นผลกระทบแค่ความตื่นตระหนกในระยะสั้น ชี้ในระยะยาวเป็นผลดีต่อตลาดเกิดใหม่ และตลาดหุ้นไทย เพราะจะมีการโยกเงินหนีความเสี่ยงเข้ามาลงทุน แนวโน้มภาคบ่ายอาจรีบาวนด์
ภาวะตลาดหุ้นไทย วันนี้ (18 มี.ค.) ดัชนีปิดครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,590.47 จุด ลดลง 7.66 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.48% มูลค่าการซื้อขาย 31,238.51 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงเช้า โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,595.63 จุด แต่และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 1,587.45 จุด
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยปรับลงตามหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย หลังจากความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นในยูโรโซนจากกรณีที่รัฐสภาไซปรัสจะมีการลงมติวันนี้ว่าจะยอมให้ขึ้นภาษีดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อแลกกับเงินช่วยเหลือจากยูโรโซนหรือไม่ ช่วงสั้นจึงมีความเสี่ยง
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาในระยะยาวแล้ว น่าจะเป็นเชิงบวกต่อตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) รวมทั้งไทย เพราะหากเม็ดเงินไม่อยู่ในยูโรโซนจากปัญหาที่เกิดขึ้น ก็ต้องไหลไปลงทุนที่อื่น ซึ่งมองว่าตลาดเกิดใหม่จะเป็นที่รองรับเงินเหล่านี้ จึงเห็นตลาดหุ้นไทยไม่ปรับลงลึก เพียงแต่หนีไม่พ้นที่จะโดนผลกระทบในเชิงความเสี่ยงระยะสั้น
สำหรับทิศทางตลาดในช่วงบ่าย คาดว่าอาจรีบาวนด์ขึ้นไปได้จากนักลงทุนที่รอซื้อหุ้นที่คราวก่อนยังซื้อไม่ได้ แต่จากการที่ตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งขึ้นมามากแล้วก็น่าจะปรับฐานบ้าง ช่วงบ่ายดัชนียังไม่น่าจะกลับมาบวกได้ เพราะหากมีการรีบาวนด์ก็คงมีการขายทำกำไรออกมา แต่ก็เชื่อว่าจะไม่ลงลึก โดยให้แนวรับไม่น่าต่ำกว่า 1,585 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
BTS มูลค่าการซื้อขาย 1,491.85 ล้านบาท ปิดที่ 9.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท
THAI มูลค่าการซื้อขาย 1,196.91 ล้านบาท ปิดที่ 28.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท
APURE มูลค่าการซื้อขาย 1,080.81 ล้านบาท ปิดที่ 2.92 บาท เพิ่มขึ้น 0.66 บาท
BLAND มูลค่าการซื้อขาย 1,076.41 ล้านบาท ปิดที่ 2.06 บาท ลดลง 0.08 บาท
CPF มูลค่าการซื้อขาย 993.55 ล้านบาท ปิดที่ 35.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท