“มาลีนนท์” แจงเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน “N-PARK” เผยมองเห็นศักยภาพการทำธุรกิจ

“กลุ่มมาลีนนท์” แจงเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน “N-PARK” ร้อยละ 24.50 ของทุนจดทะเบียน ประมาณ 29,000 ล้านหุ้น เป็นเงินประมาณ 900 ล้านบาท “ประชา” เผยมองเห็นศักยภาพการทำธุรกิจ เพราะครอบครัวได้ดำเนินธุรกิจอยู่ในปัจจุบัน

นายประชา มาลีนนท์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า ตามที่ได้ร่วมกับพันธมิตรเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนล่าสุดของ บมจ.แนเชอรัล พาร์ค (N-PARK) ก็เพราะต้องการลงทุนใน N-PARK ในสัดส่วนร้อยละ 24.50 ของทุนจดทะเบียน ประมาณ 29,000 ล้านหุ้น เป็นเงินประมาณ 900 ล้านบาท เนื่องจากมองเห็นศักยภาพการทำธุรกิจ เพราะครอบครัวได้ดำเนินธุรกิจอยู่ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ N-Park จะประชุมผู้ถือหุ้นในเดือน มี.ค.56 คาดว่าต้องชำระเงินค่าหุ้นภายในเดือน เม.ย. และการเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิมแล้วมีการใช้สิทธิไม่หมด ได้พร้อมเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวที่เหลือด้วย เพื่อต้องการมีสิทธิออกเสียงเพิ่มขึ้น โดยหลังการเพิ่มทุนแล้วคาดว่าจะเปิด 2 โครงการที่อยู่อาศัยใหม่บริเวณพระราม 4 และนครราชสีมา สำหรับในช่วงแรกได้ส่งตัวแทนเข้าไปเป็นกรรมการ แต่ยังไม่เข้าไปเปลี่ยนแปลงการบริหาร เพราะผู้บริหารเดิมยังมีฝีมือในการทำงาน

สำหรับที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเตรียมเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการจัดสรร และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เหลือจากการจอง จำนวน 5.35 หมื่นล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 44.43 ในราคาหุ้นละ 0.029 บาท คือ นายประชา มาลีนนท์ สัดส่วนร้อยละ 24.50 นายศานติ ประนิช สัดส่วนร้อยละ 9.96 และนายฟิลิปวีระ บุนนาค ร้อยละ 9.96 และจะขายหุ้นเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม 60,212,570,294 หุ้น อัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคา 0.029 บาท โดยกำหนดวันประชุมในวันที่ 18 มี.ค.56 เวลา 09.00 น.

ปัจจุบัน บริษัทได้ดำเนินโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า เดอะ แนเชอรัล พาร์ค อพาร์ทเมนท์ และโรงแรมสยามเคมปินสกี้ และเคมปินสกี้ เรสซิเดนซ์ สยาม นอกจากนี้ ยังเดินหน้าพัฒนาโครงการที่มีศักยภาพหลายโครงการ พร้อมหาพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งด้านเงินทุน และการบริหารโครงการ เช่น โครงการโรงแรม อามันรีสอร์ท กรุงเทพ ซึ่งเป็นโครงการโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 36 บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ติดกับสถานทูตฝรั่งเศส ประกอบด้วย ห้องพัก 35 ห้อง พื้นที่ใช้สอยรวมทั้งสิ้น 1.23 หมื่นตารางเมตร การออกแบบยึดหลักแนวคิดการพัฒนาเชิงอนุรักษ์โบราณสถาน เน้นความกลมกลืนระหว่างสิ่งก่อสร้างอาคารโบราณสถานโรงภาษีร้อยชักสาม