เคทีซีปักหลักออกแคมเปญสู้ศึกบัตรเครดิต ชูจุดเด่นใช้ประโยชน์จากคะแนนสะสมอย่างคุ้มค่า ล่าสุด จับมือ 10 ร้านอาหารพันธมิตรจัด “999 คะแนน แลกรับจานอร่อย” ตั้งแต่วันนี้-30 เม.ย. ยันไม่มีแผนเพิ่มทุนปีนี้ แต่จะออกหุ้นกู้ตามปกติ คาดวงเงิน 7 พัน-1หมื่นล้าน ช่วงไตรมาส 3
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTC)เปิดเผยว่า ตามแผนการระดมทุนของบริษัทในปีนี้จะไม่มีการเพิ่มทุนแต่อย่างใด โดยเงินทุนที่จะนำมาใช้ในการดำเนินงานจะเป็น่วนของการออกหุ้นกู้ ซึ่งตามปกติจะออกในช่วงไตรมาส 3 ของปี ในวงเงินประมาณ 7,000-10,000 ล้านบาท
“ในปีนี้แม้ว่าเราจะหันกลับมารุกตลาดเต็มที่อีกครั้ง ซึ่้งวางงบประมาณไว้ 1 พันล้านบาท แต่ก็ยังไม่มีแผนที่จะเพิ่มทุน แต่จะใช้วิธีออกหุ้นกู้ที่เป็นเรื่องปกติเหมือนทุกปีที่จะออกประมาณ 7-8 พันล้าน แต่ปีนี้อาจจะเป็น 1 หมื่นล้าน ส่วนอายุคงจะมีการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และสภาพคล่องที่จะประเมินกันเป็นช่วงๆ ไป”
พร้อมกันนั้น ได้ยืนยันเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจในปีนี้ที่ตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% จากการที่ในปีก่อนบริษัทลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้จ่ายให้มากขึ้น จะส่งผลให้กำไรในปีนี้เติบโตสูงกว่าปีก่อน 2 เท่าตัว
และจากแผนงานที่บริษัทจะกลับมารุกตลาดอย่างเต็มที่อีกครั้งในปีนี้ ล่าสุด เคทีซีจับมือ 10 ร้านอาหารชั้นนำเปิดแคมเปญ “KTC Signature Dish 999 คะแนน แลกรับจานอร่อย” โดยใช้คะแนนสะสมแทนเงินสดเพียง 999 คะแนน สามารถแลกรับเมนูเด่นในร้านได้ทันที แบบไม่จำกัดจำนวนการใช้ ตั้งแต่วันนี้ -30 เมษายน 2556
ทั้งนี้ ร้านอาหารที่เข้าร่วมรายการ 10 แห่งดังกล่าวได้แก่ ภัตตาคารญี่ปุ่นเซน, อากะ ยากินิกุ, ออน เดอะ เทเบิล, เซน คูซิน่า, ซูกิชิ บาร์บิคิว, สปาเก็ตตี้ แฟคตอรี, วาวา, คอฟฟี่ บีนส์ (Coffee Beans), ฮั่วเซ่งฮง และแบล็คแคนยอน
“ในปีนี้ทางเคทีซีมีเป้าหมายหลักในการสนับสนุนให้สมาชิกในวงกว้างได้สัมผัสประสบการณ์ตรง จากการใช้คะแนนสะสม KTC Forever Rewards และเกิดการบอกต่อ ซึ่งแคมเปญการตลาด “KTC Signature Dish 999 คะแนน แลกรับจานอร่อย” เพียงใช้คะแนนสะสม KTC Forever Rewards 999 คะแนน แลกรับอาหารจานโปรดเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านบัตรเครดิตที่ฉีกแนวการใช้คะแนนสะสมให้เกิดประโยชน์ มากกว่าการแลกสินค้าแบบเดิมๆ โดยคาดว่า จะกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตรในหมวดร้านอาหารเพิ่มขึ้น 15-20% และยอดการใช้คะแนนสะสมเพิ่มขึ้น 35-40%”