ตลาดหลักทรัพย์ฯ เฮียริ่งจัดกลุ่มอุตสาหกรรมหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ จากปัจจุบันที่ไม่มีการจัดกลุ่ม เหตุจำนวนหุ้นมี 81 บริษัทแล้ว มีความเหมาะสมที่จะทำ เพื่อสร้างความน่าสนใจแก่นักลงทุนรายย่อย สถาบัน พร้อมเพิ่มหมวดบริการ รับเหมาก่อสร้าง
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ได้เปิดรับฟังความคิดเห็น (เฮียริ่ง) เรื่องการจัดกลุ่มอุตสาหกรรมสำหรับหลักทรัพย์ในตลาดเอ็มเอไอ (mai) และการปรับปรุงกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ และก่อสร้างสำหรับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยวัตถุประสงค์ในการจัดโครงสร้างกลุ่มอุตสาหกรรมของบริษัทจดทะเบียนเพื่อให้บริษัทที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกันได้อยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน เพื่อความเหมาะสมในการเปรียบเทียบ และเป็นข้อมูลด้านการลงทุน สอดคล้องกับมาตรฐานตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงประเภทธุรกิจของบริษัทจดทะเบียน และอุตสาหกรรมของประเทศได้มากขึ้น และรองรับธุรกิจใหม่ๆ ที่คาดว่าจะเข้ามาจดทะเบียนในอนาคต ทั้งใน SET และ mai จีงมีการปรับปรุงการจัดการโครงสร้างกลุ่มอุตสาหกรรมของ บจ.อย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นว่าตั้งแต่จัดตั้งตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ในปี 2541 เป็นต้นมา ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอมีพัฒนาการ และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีจำนวนบริษัทจดทะเบียนที่จะเข้าใหม่อีกจำนวนมาก และจากข้อมูลสถิติ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) อยู่ที่ 1.33 แสนล้านบาท และมีจำนวนบริษัทจดทะเบียน 81 บริษัท ซึ่งขนาด และจำนวนที่มีความเหมาะสมที่จะจัดให้มีกลุ่มอุตสาหกรรมสำหรับหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ เพื่อสร้างความน่าสนใจต่อนักลงทุนรายย่อย นักลงทุนสถาบัน ตลอดจนมีบทวิเคราะห์ที่มากขึ้น เพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างเพียงพอ
จากการศึกษาข้อมูลการจัดกลุ่มอุตสาหกรรมของตลดาหลักทรัพย์ต่างประเทศ พบว่า ในตลาดรอง (second market) จะมีการแบ่งกลุ่มอุตสาหกรรมด้วย และส่วนใหญ่จะใช้รูปแบบเดียวกัน ทั้งในตลาดหลัก (main market) และตลาดรอง สำหรับการจัดให้มีกลุ่มอุตสากกรรมสำหรับหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ โดยใช้ชื่อ และนิยามเดียวกับ กลุ่มอุตสาหกรรมของ SET ซึ่งเห็นควรพิจารณาให้มี 8 กลุ่มอุตสาหกรรม ดังนั้น 1.กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร 2.สินค้าอุปโภคบริโภค 3.ธุรกิจการเงิน 4.สินค้าอุตสาหกรรม 5.อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง 6.ทรัพยากร 7.บริการ 8.เทคโนโลยี
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมามีบริษัทจดทะเบียน และนักวิเคราะห์ได้เสนอตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้พิจารณาเพิ่มหมวดธุรกิจสำหรับผู้รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งปัจจุบัน ถูกรวบรวมอยู่ในหมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งปัจจุบัน กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ และก่อสร้าง มี บจ.จำนวน 125 บริษัท อยู่ใน 3 หมวด คือ วัสุดก่อสร้าง 19 บริษัท หมวดพัฒนาอสังหาริทรัพย์ จำนวน 65 บริษัท และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 41 บริษัท โดยบริษัทในหมวดพัฒนาอสังหาริาทรัพย์ ประกอบด้วย บริษัทที่ประกอบธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยบ้าน และคอนโดฯ พัฒนานิคมอุตสาหกรรม และคลังสินค้า พัฒนาอาคารสำนักงาน และศูนย์การค้า และบริการรับเหมาก่อสร้าง งานวิศวกรรมและวางระบบไฟฟ้า
เนื่องจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีลักษณะประกอบธุรกิจกลุ่มลูกค้า และการรับรู่รายได้ที่แตกต่างจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมีบริษัทที่ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง จำนวน 18 บริษัท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 มีมาร์เกตแคป จำนวน 1.47 แสนล้านบาท คิดเป็น 17% ของมาร์เกตแคปของหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ฯ ตลาดหลักทรัพย์ฯ พิจารณาเห็นว่ามีความเหมาะสมที่จะเพิ่มหมวดธุรกิจ “บริการรับเหมาก่อสร้าง” แต่ยังอยู่ภายใต้กลุ่มอสังหารได้ และเนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกประกาศเกี่ยวกับการออกเสนอขายหน่วยรีทของกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอแจ้งให้ทราบว่า จะขยายนิยามหมวดธุรกิจกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ให้ครอบคลุมถึง REIT ด้วย
ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอเปิดรับฟังความเห็นเกี่ยวกับการจัดให้มีกลุ่มอุตสาหกรรม mai และการเพิ่มหมวดธุรกิจบริการรับเหมาก่อสร้างใน SET เข้ามายังตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2556 นี้
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ได้เปิดรับฟังความคิดเห็น (เฮียริ่ง) เรื่องการจัดกลุ่มอุตสาหกรรมสำหรับหลักทรัพย์ในตลาดเอ็มเอไอ (mai) และการปรับปรุงกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ และก่อสร้างสำหรับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยวัตถุประสงค์ในการจัดโครงสร้างกลุ่มอุตสาหกรรมของบริษัทจดทะเบียนเพื่อให้บริษัทที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกันได้อยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน เพื่อความเหมาะสมในการเปรียบเทียบ และเป็นข้อมูลด้านการลงทุน สอดคล้องกับมาตรฐานตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงประเภทธุรกิจของบริษัทจดทะเบียน และอุตสาหกรรมของประเทศได้มากขึ้น และรองรับธุรกิจใหม่ๆ ที่คาดว่าจะเข้ามาจดทะเบียนในอนาคต ทั้งใน SET และ mai จีงมีการปรับปรุงการจัดการโครงสร้างกลุ่มอุตสาหกรรมของ บจ.อย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นว่าตั้งแต่จัดตั้งตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ในปี 2541 เป็นต้นมา ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอมีพัฒนาการ และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีจำนวนบริษัทจดทะเบียนที่จะเข้าใหม่อีกจำนวนมาก และจากข้อมูลสถิติ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) อยู่ที่ 1.33 แสนล้านบาท และมีจำนวนบริษัทจดทะเบียน 81 บริษัท ซึ่งขนาด และจำนวนที่มีความเหมาะสมที่จะจัดให้มีกลุ่มอุตสาหกรรมสำหรับหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ เพื่อสร้างความน่าสนใจต่อนักลงทุนรายย่อย นักลงทุนสถาบัน ตลอดจนมีบทวิเคราะห์ที่มากขึ้น เพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างเพียงพอ
จากการศึกษาข้อมูลการจัดกลุ่มอุตสาหกรรมของตลดาหลักทรัพย์ต่างประเทศ พบว่า ในตลาดรอง (second market) จะมีการแบ่งกลุ่มอุตสาหกรรมด้วย และส่วนใหญ่จะใช้รูปแบบเดียวกัน ทั้งในตลาดหลัก (main market) และตลาดรอง สำหรับการจัดให้มีกลุ่มอุตสากกรรมสำหรับหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ โดยใช้ชื่อ และนิยามเดียวกับ กลุ่มอุตสาหกรรมของ SET ซึ่งเห็นควรพิจารณาให้มี 8 กลุ่มอุตสาหกรรม ดังนั้น 1.กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร 2.สินค้าอุปโภคบริโภค 3.ธุรกิจการเงิน 4.สินค้าอุตสาหกรรม 5.อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง 6.ทรัพยากร 7.บริการ 8.เทคโนโลยี
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมามีบริษัทจดทะเบียน และนักวิเคราะห์ได้เสนอตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้พิจารณาเพิ่มหมวดธุรกิจสำหรับผู้รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งปัจจุบัน ถูกรวบรวมอยู่ในหมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งปัจจุบัน กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ และก่อสร้าง มี บจ.จำนวน 125 บริษัท อยู่ใน 3 หมวด คือ วัสุดก่อสร้าง 19 บริษัท หมวดพัฒนาอสังหาริทรัพย์ จำนวน 65 บริษัท และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 41 บริษัท โดยบริษัทในหมวดพัฒนาอสังหาริาทรัพย์ ประกอบด้วย บริษัทที่ประกอบธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยบ้าน และคอนโดฯ พัฒนานิคมอุตสาหกรรม และคลังสินค้า พัฒนาอาคารสำนักงาน และศูนย์การค้า และบริการรับเหมาก่อสร้าง งานวิศวกรรมและวางระบบไฟฟ้า
เนื่องจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีลักษณะประกอบธุรกิจกลุ่มลูกค้า และการรับรู่รายได้ที่แตกต่างจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมีบริษัทที่ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง จำนวน 18 บริษัท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 มีมาร์เกตแคป จำนวน 1.47 แสนล้านบาท คิดเป็น 17% ของมาร์เกตแคปของหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ฯ ตลาดหลักทรัพย์ฯ พิจารณาเห็นว่ามีความเหมาะสมที่จะเพิ่มหมวดธุรกิจ “บริการรับเหมาก่อสร้าง” แต่ยังอยู่ภายใต้กลุ่มอสังหารได้ และเนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกประกาศเกี่ยวกับการออกเสนอขายหน่วยรีทของกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอแจ้งให้ทราบว่า จะขยายนิยามหมวดธุรกิจกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ให้ครอบคลุมถึง REIT ด้วย
ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอเปิดรับฟังความเห็นเกี่ยวกับการจัดให้มีกลุ่มอุตสาหกรรม mai และการเพิ่มหมวดธุรกิจบริการรับเหมาก่อสร้างใน SET เข้ามายังตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2556 นี้
