ตลาดหลักทรัพย์ฯ แนะนักวิเคราะห์ออกบทวิเคราะห์หุ้น Non-SET100 มากขึ้น เพื่อช่วยให้นักลงทุนทราบมูลค่าที่เหมาะสมของกิจการ จากปัจจุบันหุ้นดังกล่าวมีมูลค่าซื้อขายสูงขึ้น ดันวอลุมซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วง 3 สัปาดห์แรก เกิน 5 หมื่นล้านบาทต่อวัน
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า หุ้น Non-SET100 ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่อเนื่อง สังเกตจากมูลค่าซื้อขาย และราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นสูง ซึ่งผู้ลงทุนจะต้องระมัดระวัง และประเมินมูลค่ากิจการอย่างรอบคอบ หลีกเลี่ยงการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีมูลค่า (Valuation) ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน และไม่ตัดสินใจบนข้อมูลที่ขาดความน่าเชื่อถือ หรือข่าวลือ
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มความน่าสนใจให้แก่หุ้นกลุ่ม Non-SET100 ในระยะยาวบริษัทหลักทรัพย์ และนักวิเคราะห์ควรเริ่มออกบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ในกลุ่มดังกล่าวมากขึ้น เพื่อช่วยให้นักลงทุนทราบมูลค่าที่เหมาะสมของกิจการ (Fair Valuation) ซึ่งจะทำให้การซื้อขาย และการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นสอดคล้องกับผลการดำเนินงาน และพื้นฐานกิจการมากขึ้น และการที่บริษัทจดทะเบียนจะเริ่มประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2555 ออกมา จะเป็นข้อมูลอีกส่วนหนึ่งที่นักลงทุนควรให้ความสำคัญ และติดตามอย่างใกล้ชิด
จากการสำรวจการซื้อขายหลักทรัพย์ พบหุ้น Non-SET100 วอลุ่มซื้อขายเพิ่มขึ้นสูง ดันมูลค่าการซื้อขายของ SET ในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ปี 56 เกิน 50,000 ล้านบาทต่อวันติดต่อกัน ซึ่งจากการเก็บข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ในช่วง 3 สัปดาห์แรกของปี 2556 (2 ม.ค.-16 ม.ค.) พบวอลุ่มการซื้อขายของ SET เพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์ โดยสัปดาห์แรกมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 45,746 ล้านบาท สัปดาห์ที่ 2 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 48,294 ล้านบาท (ไม่รวมการซื้อขายหุ้น INTUCH ที่มีรายการ Big Lot ของบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด) และสัปดาห์ล่าสุด อยู่ที่ 57,115 ล้านบาท
นายชนิตร กล่าวว่า หากดูการซื้อขายแยกตามประเภทหลักทรัพย์ พบมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นมาจากหลักทรัพย์ประเภทหุ้นสามัญ และวอร์แรนต์ ซึ่งหุ้นสามัญในช่วง 2 สัปดาห์แรก มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นจากหุ้นกลุ่ม SET50 เป็นหลัก ส่วนสัปดาห์ล่าสุด มาจากหุ้นขนาดกลาง และเล็ก (กลุ่ม Non-SET50) เป็นหลัก โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Non-SET100 มีมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นโดดเด่น จากการซื้อขายหุ้นกลุ่ม Non-SET50 ที่เพิ่มขึ้นมาก ทำให้สัดส่วนการซื้อขายในสัปดาห์ล่าสุดของหุ้นขนาดใหญ่ (SET50) ลดลงมาอยู่ที่ 45% ของทั้งหมด (โดยเฉลี่ยจะสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 60%) ขณะที่สัดส่วนของ Non-SET50 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 54% แบ่งเป็นของหุ้นกลุ่ม SET51-100 ที่ 26% และหุ้นกลุ่ม Non-SET100 ที่ 28%
สำหรับหลักทรัพย์ประเภทวอร์แรนต์เพิ่งจะมีการซื้อขายเพิ่มขึ้นสูงในช่วงสัปดาห์ที่ 3 (ไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาทต่อวัน) จากการดูข้อมูลการซื้อขายในสัปดาห์ที่ 3 ตามหมวดธุรกิจ พบว่า มูลค่าการซื้อขายของหุ้นกลุ่ม Non-SET50 ที่เพิ่มขึ้นสูงมาจากหุ้นในหมวดธุรกิจเหล็ก และหมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก ซึ่งมูลค่าการซื้อขายของหลักทรัพย์ประเภทวอร์แรนต์ที่เพิ่มขึ้นสูง เป็นวอร์แรนต์ของหลักทรัพย์ที่อยู่ในหมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นี่เอง นอกจากนี้ ยังพบว่า เฉพาะหุ้นกลุ่ม Non-SET100 มีหุ้นบางตัวในหมวดธุรกิจพลังงาน และสาธารณูปโภค หมวดธุรกิจขนส่งและลอจิสติกส์ หมวดธุรกิจพาณิชย์ หมวดธุรกิจบริการเฉพาะกิจ และหมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีการซื้อขายเพิ่มขึ้นสูง
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า หุ้น Non-SET100 ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่อเนื่อง สังเกตจากมูลค่าซื้อขาย และราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นสูง ซึ่งผู้ลงทุนจะต้องระมัดระวัง และประเมินมูลค่ากิจการอย่างรอบคอบ หลีกเลี่ยงการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีมูลค่า (Valuation) ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน และไม่ตัดสินใจบนข้อมูลที่ขาดความน่าเชื่อถือ หรือข่าวลือ
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มความน่าสนใจให้แก่หุ้นกลุ่ม Non-SET100 ในระยะยาวบริษัทหลักทรัพย์ และนักวิเคราะห์ควรเริ่มออกบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ในกลุ่มดังกล่าวมากขึ้น เพื่อช่วยให้นักลงทุนทราบมูลค่าที่เหมาะสมของกิจการ (Fair Valuation) ซึ่งจะทำให้การซื้อขาย และการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นสอดคล้องกับผลการดำเนินงาน และพื้นฐานกิจการมากขึ้น และการที่บริษัทจดทะเบียนจะเริ่มประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2555 ออกมา จะเป็นข้อมูลอีกส่วนหนึ่งที่นักลงทุนควรให้ความสำคัญ และติดตามอย่างใกล้ชิด
จากการสำรวจการซื้อขายหลักทรัพย์ พบหุ้น Non-SET100 วอลุ่มซื้อขายเพิ่มขึ้นสูง ดันมูลค่าการซื้อขายของ SET ในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ปี 56 เกิน 50,000 ล้านบาทต่อวันติดต่อกัน ซึ่งจากการเก็บข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ในช่วง 3 สัปดาห์แรกของปี 2556 (2 ม.ค.-16 ม.ค.) พบวอลุ่มการซื้อขายของ SET เพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์ โดยสัปดาห์แรกมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 45,746 ล้านบาท สัปดาห์ที่ 2 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 48,294 ล้านบาท (ไม่รวมการซื้อขายหุ้น INTUCH ที่มีรายการ Big Lot ของบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด) และสัปดาห์ล่าสุด อยู่ที่ 57,115 ล้านบาท
นายชนิตร กล่าวว่า หากดูการซื้อขายแยกตามประเภทหลักทรัพย์ พบมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นมาจากหลักทรัพย์ประเภทหุ้นสามัญ และวอร์แรนต์ ซึ่งหุ้นสามัญในช่วง 2 สัปดาห์แรก มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นจากหุ้นกลุ่ม SET50 เป็นหลัก ส่วนสัปดาห์ล่าสุด มาจากหุ้นขนาดกลาง และเล็ก (กลุ่ม Non-SET50) เป็นหลัก โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Non-SET100 มีมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นโดดเด่น จากการซื้อขายหุ้นกลุ่ม Non-SET50 ที่เพิ่มขึ้นมาก ทำให้สัดส่วนการซื้อขายในสัปดาห์ล่าสุดของหุ้นขนาดใหญ่ (SET50) ลดลงมาอยู่ที่ 45% ของทั้งหมด (โดยเฉลี่ยจะสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 60%) ขณะที่สัดส่วนของ Non-SET50 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 54% แบ่งเป็นของหุ้นกลุ่ม SET51-100 ที่ 26% และหุ้นกลุ่ม Non-SET100 ที่ 28%
สำหรับหลักทรัพย์ประเภทวอร์แรนต์เพิ่งจะมีการซื้อขายเพิ่มขึ้นสูงในช่วงสัปดาห์ที่ 3 (ไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาทต่อวัน) จากการดูข้อมูลการซื้อขายในสัปดาห์ที่ 3 ตามหมวดธุรกิจ พบว่า มูลค่าการซื้อขายของหุ้นกลุ่ม Non-SET50 ที่เพิ่มขึ้นสูงมาจากหุ้นในหมวดธุรกิจเหล็ก และหมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก ซึ่งมูลค่าการซื้อขายของหลักทรัพย์ประเภทวอร์แรนต์ที่เพิ่มขึ้นสูง เป็นวอร์แรนต์ของหลักทรัพย์ที่อยู่ในหมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นี่เอง นอกจากนี้ ยังพบว่า เฉพาะหุ้นกลุ่ม Non-SET100 มีหุ้นบางตัวในหมวดธุรกิจพลังงาน และสาธารณูปโภค หมวดธุรกิจขนส่งและลอจิสติกส์ หมวดธุรกิจพาณิชย์ หมวดธุรกิจบริการเฉพาะกิจ และหมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีการซื้อขายเพิ่มขึ้นสูง
