ตลาดเปิดแผนปี 56 เพิ่มฐานผู้ลงทุน 9.6 หมื่นบัญชี ตั้งเป้ามาร์เกตแคป บจ. ใหม่ 1.2 แสนล้านบาท บจ.ระดมทุนเพิ่ม 1 แสนล้านบาท เดินหน้าผนึกตลาด “จีเอสเอ็ม-อาเซียน” พร้อมมุ่งสานโอกาสการลงทุนของธุรกิจ และผู้ลงทุนต่อเนื่อง
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และคณะผู้บริหาร เปิดแถลงข่าวผลดำเนินงาน ตลท. โดยระบุว่า ในปี 2555 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประสบความสำเร็จอย่างสูงในหลายๆ ด้าน และเป็นปีแห่งการยกระดับตลาดหลักทรัพย์ฯ ในหลายมิติ โดยเฉพาะการปรับขึ้นอันดับของตลาดทุนไทยเป็นหนึ่งใน 10 ของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ชั้นนำของโลก (Advanced Emerging Market) โดย FTSE และการปรับอันดับการกำกับดูแลกิจการที่ดี (CG Ranking) ของบริษัทจดทะเบียนไทยขึ้นเป็นอันดับ 3 ของภูมิภาคเอเชีย และแปซิฟิก ขณะที่ MSCI เพิ่มหลักทรัพย์ไทย 4 หลักทรัพย์ในการคำนวณดัชนีของ MSCI Global Standard Indices ซึ่งเป็นการเพิ่มจำนวนหลักทรัพย์มากที่สุดในเอเชีย
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังเปิดใช้ระบบซื้อขายหลักทรัพย์ใหม่ SET CONNECT ด้วยเทคโนโลยีชั้นนำของโลกรองรับปริมาณซื้อขายได้เพิ่มสูงขึ้น พร้อมตอกย้ำความน่าสนใจของตลาดทุนไทยด้วยการเปิดประตูการลงทุนสู่ภูมิภาค ASEAN ขณะที่ในปี 2555 นี้ มูลค่าการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยทำสถิติสูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ที่ 32,304 ล้านบาทต่อวัน ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี 10 เดือน ขณะที่มูลค่าตลาดรวมของตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นปี 2555 สูงที่สุดนับตั้งแต่จัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ และมูลค่าตลาดรวมของหุ้นใหม่ และการระดมทุนบริษัทจดทะเบียน ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 10 ปี
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 2556 คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ต่อเนื่องอย่างมีเสถียรภาพ จากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ การขยายตัวการลงทุนของภาคเอกชน และการบริโภคภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม วิกฤตเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยุโรปจะยังคงยืดเยื้อ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนในหลายด้าน ขณะที่สถาบันการเงินต่างประเทศยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงของเงินกองทุนที่ต้องมีให้เพียงพอตามกฎเกณฑ์ใหม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตามอง
สำหรับแผนงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2556 ได้มุ่งต่อยอด “สานโอกาสการลงทุน เพื่อคุณ เพื่อธุรกิจ” โดยให้ความสำคัญกับการขยายฐานผู้ลงทุนบุคคลกลุ่มใหม่ การเพิ่มมูลค่าตลาดรวม การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมยกระดับการกำกับดูแลกิจการที่ดี และความรับผิดชอบต่อสังคมของ บจ.ไทยอย่างต่อเนื่อง
ขยายฐานผู้ลงทุน
นางเกศรา มัญชุศรี รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานการตลาด กล่าวว่า ในปี 2556 ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีเป้าหมายเพิ่มจำนวนบัญชีผู้ลงทุนบุคคลที่ซื้อขายหลักทรัพย์อีก 96,600 บัญชี และจำนวนบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอีก 22,000 บัญชี โดยมุ่งขยายฐานไปยังกลุ่มผู้ลงทุนบุคคลรายใหม่ ที่เป็นผู้ออมในระบบธนาคาร ผู้เริ่มลงทุน คนรุ่นใหม่ และกลุ่มผู้นิยมออนไลน์ ซึ่งในปัจจุบันพบว่า การซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยในปีที่ผ่านมา มีมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านอินเทอร์เน็ตของผู้ลงทุนบุคคลสูงกว่า 50% เป็นครั้งแรก โดยจะร่วมมือกับบริษัทหลักทรัพย์ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมความรู้ด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง จัดแคมเปญ และสื่อสารครบวงจรเพื่อขยายฐานผู้ลงทุนผ่านออนไลน์ และจัดโรดโชว์การลงทุนทั่วประเทศตลอด 12 เดือน นอกจากนี้ จะทำงานร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมในการให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ผู้ลงทุนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ให้ผู้ลงทุนเห็นประโยชน์ในการเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนมากขึ้น
เพิ่มมูลค่าตลาดรวม
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ และบริษัทจดทะเบียน เปิดเผยว่า ในปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าตลาดรวมจากหลักทรัพย์จดทะเบียนใหม่ 120,000 ล้านบาท โดยมาจากบริษัทที่เป็นผู้นำอุตสาหกรรมในประเทศ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งการเข้าจดทะเบียนบริษัทในเครือของบริษัทจดทะเบียน (spin-off) และบริษัทโฮลดิ้งจากกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง
สำหรับบริษัทจดทะเบียน คาดว่าจะมีมูลค่าการระดมทุนเพิ่มในปี 2556 จำนวน 100,000 ล้านบาท ด้วยเครื่องมือที่บริษัทจดทะเบียนนิยมใช้ เช่น warrant, stock dividend, stock split
ความร่วมมือกับ GMS และอาเซียน
ดร.ภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรและการเงิน กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นโอกาสการเติบโตจากกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ได้แก่ ประเทศกัมพูชา พม่า ลาว และเวียดนาม ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง และมีความต้องการระดมทุนสูงมาก โดยมีนักธุรกิจไทยดำเนินธุรกิจใน GMS เพิ่มขึ้น และต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯได้เตรียมช่องทางการเข้าจดทะเบียนของบริษัทโฮลดิ้งที่ทำธุรกิจในกลุ่มประเทศเหล่านี้แล้ว นอกจากนี้ ในปี 2556 นี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาค เพื่อสร้าง visibility ให้แก่ตลาดทุน GMS สนับสนุนสถาบันตัวกลางในการเปิดสาขา และทำธุรกรรมในตลาดทุนดังกล่าว รวมทั้งสนับสนุนการเชื่อมโยง และให้บริการหลังการซื้อขายระหว่างตลาดหลักทรัพย์ และตลาดทุน GMS
สำหรับการส่งเสริมการลงทุนในระดับภูมิภาค ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์อาเซียน จัดงาน roadshow Invest ASEAN นอกเหนือจากที่จัดไปแล้วที่กรุงเทพฯ จะนำบริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทจดทะเบียนไทยพบกับผู้ลงทุนบุคคล และบริษัทหลักทรัพย์ท้องถิ่นในอาเซียนเพื่อให้รู้จักกับตลาดทุนไทยมากขึ้น ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ประเทศสิงคโปร์ และเดือนมีนาคมที่ประเทศมาเลเซีย รวมถึงเตรียมออกดัชนีใหม่ สำหรับหลักทรัพย์อาเซียน ได้แก่ broad-based ASEAN Index, ASEAN Star index และ sectoral index เพื่อเป็นฐานสำหรับการออกกองทุนต่างๆ ต่อไป
พัฒนาสินค้า และบริการพร้อมยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน
ในปี 2556 ตลาดหลักทรัพย์ฯ พัฒนาระบบซื้อขาย และระบบชำระราคาสำหรับตราสารอนุพันธ์อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะเริ่มใช้งานในปี 2557 นอกจากนี้ ยังมีแผนปรับปรุงเพิ่มช่องทางระบบการซื้อขาย เช่น Direct Market Access (DMA) และ Program Trading เพื่อให้ผู้ลงทุนส่งคำสั่งซื้อขายด้วยตัวเองผ่านระบบบริษัทหลักทรัพย์สมาชิก หลังเห็นความต้องการใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนเพิ่มสัดส่วนจากช่องทาง DMA เป็น 10% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด จากปัจจุบันที่ 7%
นางชนิสา ชุติภัทร์ ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้าสายงานปฏิบัติการ กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะดำเนินการตามแผนแม่บทงานปฏิบัติการ (Operations Master Plan) ได้แก่ 1) การพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการบริหารความเสี่ยงของสำนักหักบัญชีเพื่อให้มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับชั้นนำของภูมิภาค 2) ขยายช่องทางการเข้าถึงสินค้าและบริการไปยังกลุ่มผู้ลงทุน และสมาชิกใหม่ๆ โดยพัฒนาระบบชำระราคา และส่งมอบหลักทรัพย์ใหม่ สำหรับตราสารทุน ตราสารอนุพันธ์ และตราสารหนี้ ให้อยู่บน platform เดียวกัน และ 3) พัฒนา และนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ให้ครอบคลุมธุรกิจอื่นๆ ที่นอกเหนือจากธุรกิจหลักในปัจจุบัน ได้แก่ การให้บริการธุรกรรมยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (Securities Borrowing and Lending: SBL) และการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-strategy) แก่ผู้ลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน และเพิ่มความสะดวกรวดเร็ว และเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ยกระดับคุณภาพ บจ.ไทย และเพิ่มบทบาท CSRI
นายจรัมพร กล่าวถึงแผนการพัฒนาตลาดทุนระยะยาวในปี 2556 ว่า ด้านบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนปรับปรุงหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียนให้สอดคล้องกับเกณฑ์การวัดระดับการกำกับดูแลกิจการที่ดีในระดับอาเซียน (ASEAN CG Scorecard) เพื่อเพิ่มศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนไทยให้เป็นหลักทรัพย์ที่น่าลงทุนในมุมมองของผู้ลงทุนต่างประเทศ และยังเป็นการเตรียมความพร้อมของบริษัทจดทะเบียนไทยสู่ประชาคมเศรษฐกิจ รวมถึงส่งเสริมให้สถาบันธุรกิจเพื่อสังคม (CSRI) เป็นสถาบันหลักในการพัฒนาความรู้แก่บริษัทจดทะเบียนไทย เพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม และผลักดันสู่การลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง นำไปสู่มาตรฐาน Dow Jones Sustainability Index
เผยปี 2555 ความสำเร็จแห่งการยกระดับตลาดหลักทรัพย์
นายจรัมพร กล่าวว่า การดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ตลอดปี 2555 ถือว่าเป็นปีที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง และเป็นปีแห่งการยกระดับตลาดหลักทรัพย์ไทยในหลายๆ ด้าน นอกจากจะบรรลุเป้าหมายโดยรวมที่ตั้งไว้แล้ว ยังได้รับการยกอันดับจากสถาบันระดับโลกในด้านต่างๆ ได้แก่ การยกระดับตลาดทุนไทย เข้าไปเป็น 1 ใน 10 ของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ชั้นนำ (Advanced Emerging Market) โดยฟุ้ตซี่ กรุ๊ป (FTSE Group) การยกอันดับด้านการกำกับดูแลกิจการของตลาดทุน CG Watch 2012 เป็นอันดับ 3 รองจากสิงคโปร์ และฮ่องกง โดย Asia Corporate Governance Association ที่มีการประเมินจาก 11 ประเทศทั่วเอเชีย และตลอดทั้งปี 2555 MSCI เพิ่มหลักทรัพย์ไทย 4 หลักทรัพย์ในดัชนี MSCI Global Standard Indices ซึ่งถือว่าประเทศไทยมีจำนวนหลักทรัพย์รวมเพิ่มเข้าไปมากที่สุดในเอเชียแปซิฟิก และเพิ่มสุทธิอีก 4 หลักทรัพย์ในการคำนวณดัชนี MSCI Global Small Cap Indices
“การได้รับการยกอันดับต่างๆ รวมถึงการที่หลักทรัพย์ไทยได้ถูกนำเข้าไปคำนวณดัชนีมาตรฐานระดับโลกเพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตลาดทุนไทย และบริษัทจดทะเบียนไทยที่ได้ร่วมกันพัฒนา แม้ปัจจัยภายนอกผันผวนสูงมากในปี 2555 จะส่งผลทางลบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยบ้างในบางช่วง แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังสามารถดำเนินงานได้ตามแผนที่ตั้งไว้ เป็นการตอกย้ำความน่าสนใจของตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดทุนไทย ซึ่งจะเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งในอนาคต รองรับการแข่งขันในระดับนานาประเทศได้” นายจรัมพรกล่าว
ยกระดับ IT Platform และระบบชำระราคา
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปลี่ยนระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ใหม่ SET CONNECT ทดแทนระบบเดิมเพื่อรองรับปริมาณซื้อขายได้มากขึ้น สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้รวดเร็วขึ้นรองรับการเชื่อมโยงกับตลาดทุนโลกได้มากขึ้น โดยเริ่มให้บริการตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน พร้อมกันนี้ ยังได้เริ่มใช้ระบบเผยแพร่ข้อมูลการซื้อขาย (Market Data System) และระบบงานกำกับการซื้อขายใหม่ (Market Surveillance System) ด้วย โดยนอกจากการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่สำคัญตามแผน IT Master Plan แล้ว ยังได้จัดทำแผนแม่บทงานปฏิบัติการ (Operations Master Plan) แล้วเสร็จ เพื่อขยายขีดความสามารถในการรองรับธุรกิจ และบริการใหม่ให้เอื้อต่อการแข่งขันในระดับภูมิภาค และระดับสากล ขณะเดียวกัน ยังมีการพัฒนางาน และขยายธุรกิจบริการหลังการซื้อขายหลักทรัพย์ให้ครบวงจร โดยขยายขอบเขตการให้บริการงานชำระราคา และส่งมอบหลักทรัพย์โดยบุคคลที่สาม (Third Party Clearing) รวมถึงบริการการเป็นตัวแทนการเก็บรักษาหลักทรัพย์ในต่างประเทศให้แก่ผู้ลงทุนไทยผ่านการแต่งตั้ง global custodian
สำหรับการพัฒนาระบบชำระราคาใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้คัดเลือกตลาดหลักทรัพย์เกาหลี (Korea Exchange) เป็นผู้ออกแบบและพัฒนาระบบชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ สำหรับตราสารทุน ตราสารอนุพันธ์ และตราสารหนี้ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการระบบชำระราคาสำหรับตราสารอนุพันธ์ก่อนภายในปี 2557 ยกระดับความเป็นสากล ASEAN Trading Link
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปิดเชื่อมโยงกระดานซื้อขายหลักทรัพย์อาเซียน (ASEAN Trading Link) ระหว่างตลาดหลักทรัพย์ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ เมื่อกลางเดือนตุลาคม 2555 นับเป็นจุดเริ่มต้นการทำธุรกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์อาเซียนที่สะดวกรวดเร็ว และกระตุ้นความสนใจให้เกิดการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนรวมทั้งไทยมากขึ้น
ดัชนีแตะสูงสุดรอบเกือบ 17 ปี มูลค่าซื้อขายสูงที่สุดในอาเซียน
มูลค่าซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ไทยเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปี 2551 โดยในปี 2555 มีมูลค่าซื้อขายต่อวันสูงสุดในภูมิภาคอาเซียนที่ 32,304 ล้านบาทต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 9.6% โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับขึ้นสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชีย โดยเพิ่มขึ้น 36% จากปีก่อน และปรับแตะระดับสูงสุดที่ 1,397.19 จุด เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2555 และในปี 2555 มีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ 2.98% ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ SET อยู่ที่ 11,831,448 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% จากสิ้นปี 2554 คิดเป็น 103% ของอัตราการเติบโตเศรษฐกิจไทย และเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ mai อยู่ที่ 133,017 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72%
สร้างสถิติใหม่ ทั้ง IPO และการระดมทุนของ บจ.
ในปี 2555 ทั้งมูลค่าตลาดรวมของหุ้น IPO และมูลค่าการระดมทุนเพิ่มของบริษัทจดทะเบียน ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 10 ปี โดยมีการเพิ่มมูลค่าตลาดรวม 115,768 ล้านบาท จาก 25 บริษัท และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ บริษัทจดทะเบียนใน SET 9 บริษัท รวมบริษัทที่เข้าจดทะเบียนแบบทางอ้อม Reverse Takeover (RTO) 1 บริษัท mai 10 บริษัท และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อีก 6 กองทุน
ส่วนการระดมทุนเพิ่มของบริษัทจดทะเบียน และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ มีมูลค่ารวม 257,819 ล้านบาท จาก 162 แห่ง ได้แก่ บริษัทจดทะเบียนใน SET 122 บริษัท (237,997 ล้านบาท) mai 35 บริษัท (3,069 ล้านบาท) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อีก 5 กองทุน (16,753 ล้านบาท)
สินค้า และบริการใหม่
บมจ.ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบสนองผู้ลงทุน ได้แก่ การเปิดซื้อขายดอลลาร์ล่วงหน้า (USD futures) ปรับรูปแบบสัญญา SET50 futures และ SET50 options และเริ่มซื้อขาย sector futures ซึ่งอ้างอิงกับดัชนีหมวดธุรกิจต่างๆ ในส่วนของตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ปรับเกณฑ์การรับบริษัทโฮลดิ้ง ที่มีบริษัททำธุรกิจหลักอยู่ในต่างประเทศเข้าจดทะเบียน และปรับปรุงเกณฑ์รับหลักทรัพย์สำหรับธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทุกประเภท ให้สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการออกกองทุนรวมอีทีเอฟ (ETF) เพิ่มอีก 3 กองทุน ขณะที่มูลค่าสินทรัพย์รวมของกองทุน ETF เติบโตขึ้นเป็น 8,425 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% จากปีก่อนหน้า และมีการออกหลักทรัพย์ Derivative Warrants (DW) 601 หลักทรัพย์ หรือเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว หลังจากเริ่มให้บริการรับ DW ผ่านระบบ e-listing เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม ปี 2555
ในปี 2555 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังได้เพิ่มช่องทางการซื้อขายเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ลงทุนทางอินเทอร์เน็ต ด้วยการพัฒนาบริการโปรแกรม Settrade Streaming for Android สำหรับซื้อขายหุ้น และอนุพันธ์เรียลไทม์ รวมทั้งพัฒนาโปรแกรม Settrade Streaming for iPhone และ iPad อย่างต่อเนื่อง ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังได้เปิดตัวบริการแอปพลิเคชัน “OppDay” บน iPad อำนวยความสะดวกแก่ผู้ลงทุนในการเข้าถึงข้อมูลบริษัทจดทะเบียนได้อย่างสะดวกสบายและรวดเร็ว โดยผู้ลงทุนสามารถรับชมกิจกรรม Opportunity Day และดาวน์โหลดข้อมูลบริษัทจดทะเบียนทุกบริษัทในรูปแบบ Factsheet เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน
ส่งเสริมบริษัทจดทะเบียนสู่มาตรฐาน ESG
ตลาดหลักทรัพย์ ส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนเดินหน้าสู่มาตรฐาน ESG (Environment, Social and Governance) เพื่อพัฒนา และเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการธุรกิจให้แข็งแกร่ง และเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยจัดทำแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม พร้อมจัดอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อให้บริษัทจดทะเบียนนำไปใช้ปฏิบัติภายในองค์กร อีกทั้งยังส่งเสริมงานผู้ลงทุนสัมพันธ์ และการกำกับดูแลกิจการที่ดีแก่บริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการยกระดับความรู้แก่ผู้ลงทุน และนำไปสู่การขยายฐานผู้ลงทุนระยะยาว