แลนด์ฯ บุกคอนโดฯ พรีแฟ็บล้านต้นๆ อ้างแก้ปัญหาวิกฤตแรงงาน

แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เล็งบุกตลาดคอนโดฯ “พรีแฟ็บ” ราคาล้านต้นๆ อ้างหนี้วิกฤตแรงงาน ระบุช่วยลดแรงงาน ร่นเวลาก่อสร้าง 20% เน้นทำเลชุมชน แหล่งงาน สถานศึกษา คาดส่งทำตลาดปลายปีนี้หรือต้นปี 57 ล็อตแรกผุด 4-5 โครงการ เผยแผนลงทุนปี 56 เปิด 24 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 4.3 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 3 หมื่นล้านบาท พร้อมเตรียมงบ 7 พันล้านบาทซื้อที่ดิน

นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากปัญหาขาดแคลนแรงงานส่งผลให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่สามารถก่อสร้างและส่งมอบบ้านได้ทันตามกำหนด รวมถึงการปรับขึ้นค่าแรงยังทำให้ต้นทุนก่อสร้างปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งในการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาบริษัทได้ใช้ระบบก่อสร้างพรีแฟ็บสำหรับบ้านราคาต่ำกว่า 7 ล้านบาท โดยใช้ระบบนี้มากว่า 7-8 ปี

ล่าสุดได้พัฒนาระบบก่อสร้างพรีแฟ็บสำหรับอาคารชุดความสูงไม่เกิน 8 ชั้น ร่วมกับพันธิตรผู้รับเหมาก่อสร้างบริษัท กรีฑา กร๊ป โดยใช้โครงสร้างพรีแฟ็บทั้งหมดยกเว้นเสาเข็ม ซึ่งพบว่าสามารถลดการใช้แรงงานและการก่อสร้างเร็วขึ้นถึง 20% โดยขณะนี้อยู่ระหว่างทดสอบการเชื่อมต่อของชิ้นส่วนพรีแฟ็บให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

ทั้งนี้บริษัทมีแผนที่จะนำระบบดังกล่าวมาใช้ก่อสร้างคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ ระดับประมาณ 1.2-1.5 ล้านบาท หรือตารางเมตรละ 50,000 บาท ขนาดห้องชุด 30 ตร.ม. โดยจะเน้นทำเลชุมชนรอบนอกเมือง แหล่งงาน สถานศึกษา เป็นต้น ซึ่งคอนโดฯในระดับนี้มีความต้องการสูงมาก

ปัจจุบันได้ซื้อที่ดินเข้ามาแล้ว 2-3 โครงการ ในจำนวนดังกล่าวเป็นที่ดินย่านพระราม 2 ขนาด 10 ไร่ โดยจะสร้างคอนโดฯได้ประมาณ 3-4 อาคาร ขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดขายได้ในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า โดยบริษัทตั้งเป้าว่าจะพัฒนาคอนโดฯดังกล่าวเพิ่มขึ้นปีละ 10% ของพอร์ต เนื่องจากโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างยื่นขออนุญาตสิ่งแวดล้อม ซึ่งไม่สามารถกำหนดระยะเวลาการอนุญาตที่ชัดเจนได้ บรัษัทจึงไม่นับโครงการเหล่านี้ไว้ในแผนลงทุนปี 56

สำหรับแผนลงทุนปี 56 บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่ 24 โครงการ มูลค่ารวม 43,295 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 15 โครงการ และต่างจังหวัด 9 โครงการ อาทิ เชียงใหม่,ภูเก็ต,นครราชสีมา,ขอนแก่น,เชียงราย,อุดรธานีและหัวหิน แยกเป็นบ้านเดี่ยว 10 โครงการ,ทาวน์เฮาส์ 4 โครงการ และคอนโดเนียม 10 โครงการ โดยตั้งเป้ายอดขาย 30,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 20% จากปี 55 ที่มียอดขาย 25,100 ล้านบาท

นายนพร กล่าวต่อว่า แนวโน้มราคาที่อยู่อาศัยในปีนี้นั้น คาดว่าราคาจะปรับขึ้นอย่างแน่นอนเฉลี่ยที่ 5-7% เนื่องจากต้นทุนค่าก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง และค่าแรงงานปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่แลนด์ฯจะปรับขึ้นน้อยกกว่าผู้ประกอบการทั่วไป เพราะสามารถควบคุมต้นทุนค่าก่อสร้างได้ โดยการนำระบบพรีแฟบมาใช้ในการก่อสร้าง ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนค่าแรงงานแล้ว ยังช่วยแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลนด้วย

ด้านนายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการและรองกรรมการผู้จักการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ฯ กล่าวว่า ในปี 2556 บริษัทฯได้เตรียมงบประมาณในการลงทุนไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็น การหาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาในปี2557 จำนวน 7,000 ล้านบาท โดยจะเน้นที่ดินที่มีศักยภาพสูง สามารถนำมาพัฒนาได้ทันที และการลงทุนในธุรกิจอสังหาฯเพื่อการเช่า แบ่งเป็นการลงทุนในกทม. จำนวน 2,000 ล้านบาท โดยหากเป็นที่ดินใจกลางเมืองจะเป็นโครงการมิกซ์ยูส คือ ประกอบด้วยเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์และรีเทล

ส่วนอีก 1,000 ล้านบาท จะเป็นการลงทุนซื้ออสังหาฯในซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ โดยได้มอบหมายให้บริษัทลูก Land and House U.S.A.,Inc. ดำเนินการหาสินทรัพย์ในการลงทุน โดยสนใจซื้ออพาร์ตเมนท์เก่า และอสังหาฯให้เชาประเภทอื่น ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ซื้ออพาร์ตเมนต์ ย่าน Sunnyvale ซานฟรานซิสโก มาแล้ว จำนวน 45 ยูนิต ขนาด 1-2 ห้องนอน ราคาเช่าตั้งแต่ 1,200-1,700 เหรียญสหรัฐ/เดือน และมีผู้เช้าอยู่แล้ว

นอกจากนี้บริษัทฯมีแผนจะออกหุ้นกู้ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท โดยครั้งแรกจะออกช่วงเดือนมีนาคม มูลค่า 3,000 ล้านบาทและครั้งที่ 2 จะออกประมาณไตรามาส 3/56 อีกมูลค่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้จะนำไปรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในปีนี้ และใช้ในการลงทุนโครงการใหม่

นายอดิศร กล่าวต่อว่า บริษัทมีแผนที่จะนำสินทรัพย์เพื่อการเช่า ซึ่งปัจจุบันมี 3 โครงการ คือ เทอมินอล 21,แกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยท์ วิทยุและราชดำริ รวมมูลค่า 9,900 ล้านบาท มาจัดตั้งเป็นกองทุนอสังหาฯ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ โดยรูปแบบอาจจะนำเข้ากองทุนทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน คาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ในครึ่งปีหลัง