ศูนย์วิจัยฯ ธ.ไทยพาณิชย์ เตือนอุตสาหกรรมที่ใช้ไฟฟ้าสูงเร่งปรับตัว หลังการประมูลโรงไฟฟ้าไอพีพีต้นปี 2556 อาจส่งผลกระทบค่าไฟฟ้าแพงขึ้น แนะผลิตไฟฟ้าใช้เอง และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้า
รายงานข่าวจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ต้องจับตามองการประมูลโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) ที่จะเกิดขึ้นภายในครึ่งแรกของปี 2556 จำนวน 6 โรง ขนาดกำลังการผลิตโรงละ 900 เมกะวัตต์ เพื่อจ่ายเข้าระบบในช่วงปี 2564-2569 เนื่องจากเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าขึ้นอีกถึง 15% โดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง และเป็นจังหวะเดียวกับราคาก๊าซฯ มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะแนวโน้มก๊าซฯ จะหมดลงในอนาคต
ทั้งนี้ ตามเกณฑ์การประมูลครั้งนี้ ไม่ต่างจากการประมูลในรอบก่อนๆ ที่จะประเมินปัจจัยทางด้านเทคนิค และปัจจัยทางด้านราคาเป็นหลัก โดยบริษัทที่เข้าประมูลน่าจะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีความชำนาญ และอยู่ในวงการผลิตไฟฟ้ามานาน เพราะต้องใช้เงินลงทุนสูง และต้องมีความรู้ทางเทคนิคค่อนข้างมาก แต่ข้อได้เปรียบ-เสียเปรียบอาจขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ประกอบการในการเลือกสรรทำเลที่ตั้งโรงไฟฟ้าได้เหมาะสม เช่น อยู่ใกล้แหล่งน้ำ แนวสายส่ง และแนวท่อก๊าซธรรมชาติ รวมถึงการลงทุนเพื่อศึกษาถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการเห็นชอบจากประชาชนในระดับท้องถิ่น
สำหรับการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติมากขึ้นดังกล่าว จะทำให้แนวโน้มค่าไฟฟ้าในอนาคตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยมีโอกาสหมดลง จึงต้องพึ่งพาการนำเข้าก๊าซฯ จากต่างประเทศ ซึ่งมีราคาสูงกว่าก๊าซฯ ในอ่าวไทยราว 40-100% ทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น และในที่สุด ภาระจะถูกผลักไปยังผู้บริโภค ทำให้อุตสาหกรรมที่ใช้ไฟฟ้าจำนวนมากจะต้องเริ่มปรับตัวแต่เนิ่นๆ เช่น การผลิตไฟฟ้าใช้เอง หรือการลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การประมูลโรงไฟฟ้าไอพีพีเกิดขึ้นน้อยครั้ง และการผลิตเพื่อจำหน่ายไฟฟ้าไม่มีความเสี่ยงด้านการรับซื้อ เพราะแม้ว่าราคาก๊าซฯ จะสูงขึ้น แต่จะไม่กระทบต่อรายได้ผู้ผลิต เนื่องจากสามารถผลักภาระไปที่ผู้รับซื้ออย่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้มาก จึงทำให้ขณะนี้ มีผู้ประกอบการมากกว่า 20 รายเข้าร่วมซื้อซองประมูลแล้ว แต่การกำหนดให้ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงทั้งหมด ทำให้การประมูลครั้งนี้อาจมีผู้ประกอบการหลายรายไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินด้านความพร้อม และประสบการณ์ ซึ่งแตกต่างจากการประมูลรอบก่อนๆ ที่ผู้เข้าร่วมประมูลสามารถเสนอประเภทเชื้อเพลิงที่จะใช้ผลิตไฟฟ้าได้เอง
