โบรกฯ เผยบทวิเคราะห์หุ้น BEC ชี้กระแสวิพากษ์วิจารณ์การแบนละครเหนือเมฆ 2 ไม่มีผลต่อผลประกอบการของช่อง 3 โดยกำไรยังคงมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เกียรตินาคิน ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัทบีอีซีเวิลด์ (BEC) หรือช่อง 3 ว่า การถอดละคร “เหนือเมฆ 2” กลางคันไม่ส่งผลต่อกำไรอย่างมีนัยสำคัญ จากต้นทุนการผลิตละคร 1 เรื่องคาดว่าอยู่ที่ราว 50-70 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไรต่อปีของ BEC ที่ราว 5,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเพียงประมาณ 1% เท่านั้น และละคร “เหนือเมฆ 2” น่าจะออกอากาศไปแล้วเกือบครึ่งเรื่องจากตอนแรกที่ออกอากาศในวันที่ 14 ธ.ค.2555
นอกจากนี้ ผังรายการเดือน ม.ค.2556 ของช่อง 3 มีการปรับขึ้นอัตราค่าโฆษณาในกว่า 30 ช่วงเวลา ยกตัวอย่างเช่น รายการผู้หญิงถึงผู้หญิง แจ๋ว เที่ยงวันทันเหตุการณ์ เรื่องเด่นเย็นนี้ เป็นต้น คิดเป็นอัตราการปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยราว 20% ต่อรายการ ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มอัตราค่าโฆษณาอย่างแข็งกร้าวเหนือความคาดหมาย และเป็นสัญญาณบวกแสดงว่าความต้องการใช้เวลาโฆษณาของช่อง 3 ยังอยู่ในระดับสูงภายใต้ภาวะการแข่งขันที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในปี 2556 ด้วยรูปแบบรายการที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และการได้บุคลากรคุณภาพเข้ามาร่วมงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จึงปรับเพิ่มประมาณการอัตราการเติบโตของรายได้ค่าโฆษณาปี 2556 ของ BEC ขึ้นเป็น 10% จากปี2555 จากเดิมคาดเพิ่มขึ้นเพียง 5% เท่านั้น
“ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2556 ขึ้นจากเดิม 11% เป็น 5,849 ล้านบาท เติบโต 22% ตามแนวโน้มรายได้ค่าโฆษณาที่มีโอกาสเติบโตดีกว่าที่เราคาด และปรับเพิ่มมูลค่าเหมาะสมขึ้นจากเดิม 33% เป็น 73.20 บาท“
อย่างไรก็ดี เรายังคงมองว่าแนวโน้มการเติบโตในอนาคตของ BEC มีความเสี่ยงจากการแข่งขันที่สูงขึ้นจากจำนวนช่องรายการฟรีทีวีพื้นฐานที่เพิ่มขึ้นจากการเกิดดิจิตอลทีวีในปี 2556 และสื่อทางเลือกอื่นๆ เช่น ทีวีดาวเทียม อินเทอร์เน็ต และโทรศัพท์มือถือที่มีบทบาทมากขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิตอล และราคาหุ้น BEC ปรับตัวเพิ่มขึ้นสะท้อนล่วงหน้ามาก่อนแล้ว โดยเพิ่มขึ้นราว 17% ในเดือน ธ.ค.2555 จาก 60 บาท มาที่ 70 บาท ทำให้เหลือส่วนต่างเมื่อเทียบกับมูลค่าเหมาะสมที่เราประเมินใหม่ 73.20 บาท ไม่มาก จึงยังคงคำแนะนำเพียง “ถือ”
ด้านราคาหุ้น BEC สำหรับการซื้อขายในวันที่ 7 ม.ค. เปิดตลาดด้วยราคา 71 บาท ลดลงจากวันก่อน 0.50 บาท และยังคงมีแรงขายต่อเนื่อง กดราคาร่วงลงไปต่ำสุดที่ 70.50 บาท แต่ก่อนปิดตลาดภาคเช้ากลับมีแรงซื้อกลับหนุนให้ราคาเด้งขึ้นมาปิดที่ 71.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 40 ล้านบาท