กลุ่มบริษัทแสนสิริโชว์ยอดขายปี 55 ทะลุ 42,100 ล้านบาท เผยกุญแจความสำเร็จจากการรุกตลาดจังหวัด ขณะที่โรงงานพรีคาสท์ช่วยงานก่อสร้างเร็วขึ้น ตั้งเป้าปี 56 รายได้แตะ 36,000 ล้านบาท โต 30%
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2555 ประสบความสำเร็จเกินกว่าแผนการดำเนินที่ตั้งไว้ในช่วงต้นปี โดยการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ตั้งเป้าไว้ 44 โครงการ ซึ่งจนถึงสิ้นปีสามารถเปิดได้ถึง 52 โครงการ มูลค่ารวม 57,000 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ในทุกประเภทที่อยู่อาศัย และครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ โฮมออฟฟิศ และชอปเฮาส์ เป็นต้น ขณะที่สามารถสร้างยอดขายได้ 42,100 ล้านบาท เติบโตเป็น 2 เท่าจากปี 54 ขณะที่คาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทจะเติบโตขึ้นในทิศทางเดียวกันหรือสูงกว่าปีก่อน
“ความสำเร็จที่สำคัญในปีนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการรุกตลาดต่างจังหวัด รวมทั้งสิ้น 24 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 21,000 ล้านบาท ประกอบด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ในหัวหิน 9 โครงการ, ภูเก็ต 7 โครงการ, เชียงใหม่ 2 โครงการ, เขาใหญ่ 3 โครงการ, พัทยา 1 โครงการ และขอนแก่น 1 โครงการ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีส่งผลให้ทยอยปิดการขายอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าโครงการที่เปิดข่ายในต่างจังหวัดนี้คิดเป็น 38% ของมูลค่าโครงการที่เปิดตัวในปี 55 ทั้งหมด” นายเศรษฐากล่าว
นอกจากนี้ การเดินหน้าเปิดตัวโรงงานพรีคาสท์แห่งแรกของแสนสิริ ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ภายใต้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Semi Automated Carousel System จากประเทศเยอรมนี มีจุดเด่นในด้านความแม่นยำในการกำหนดชิ้นงาน ทำงานได้รวดเร็ว ลดระยะเวลาการก่อสร้างให้เร็วขึ้นเหลือ 75-90 วันต่อการสร้างบ้าน 1 หลัง ทั้งยังสามารถลดการใช้แรงงาน รวมทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตให้มีความคล่องตัวสูงเพื่อรองรับการดีไซน์แบบบ้านสไตล์แสนสิริในอนาคตอีกด้วย ปัจจุบัน โรงงานดังกล่าวมีอัตราการผลิต 52,000 ตร.ม./เดือน หรือประมาณ 150 หลัง/เดือน
สำหรับปี 2556 บริษัทได้ประมาณการเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 36,000 ล้านบาท เติบโตจากเป้าหมายรายได้ของปี 2555 ประมาณ 30% ซึ่งปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ในอีก 3 ปีข้างหน้าแล้วถึง 53,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดรอรับรู้รายได้ของปี 2556 แล้วถึง 50% รวมทั้งมียอดรอรับรู้รายได้ของปี 2557 แล้วประมาณ 4,500 ล้านบาท