อดีตขุนคลังชำแหละโครงสร้างภาษีเงินได้ใหม่ เพิ่มความเหลื่อมล้ำ คนรวย-คนจน

อดีตขุนคลังอัดรัฐบาลประกาศใช้โครงสร้างภาษีเงินได้ใหม่ ยิ่งสร้างความเหลื่อมล้ำ เพิ่มช่องว่างคนรวย และคนจนมากยิ่งขึ้น

นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต รมว.คลัง กล่าวว่า กรณีรัฐบาลออกมาตรการปรับโครงสร้างภาษีบุคคลธรรมดา เพื่อลดภาระภาษีให้ประชาชน แต่ได้ลดอัตราภาษีให้ผู้มีเงินเดือนสูงสุด ทำให้ความเหลื่อมล้ำมีมากขึ้น และคนรวยได้ประโยชน์จากนโยบายภาษีรัฐซ้ำแล้วซ้ำอีก

“ช่วงต้นปีก็มีการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล จาก 30 เหลือ 25% ปีหน้าก็จะลดเหลือ 20% สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือ ผลักดันภาษีที่ดินที่รัฐบาลก่อนได้ยกร่างแล้วเสร็จ แต่ยังไม่ได้ดำเนินการ นายกฯ ก็ประกาศยุบสภาฯ เสียก่อนเสียที่ร่างกฎหมายพร้อมอยู่แล้ว สามารถเดินหน้าได้เลย” นายกรณ์กล่าว

อดีต รมว.คลัง กล่าวต่อไปว่า ขอเตือนให้รัฐบาลให้ความสนใจกับคนยากจนที่สุดบ้าง เพราะสถิติล่าสุดชี้ให้เห็นว่า กลุ่มคนมีรายได้ประมาณ 1 หมื่นบาทต่อเดือน มีภาระชำระหนี้สินเพิ่มขึ้น 45% ของรายได้ ขึ้นมาเป็น 52% ของรายได้ ชักหน้าไม่ถึงหลัง ปัญหาหนักก็คือ ส่วนใหญ่กลุ่มนี้เป็นผู้ที่กู้จากสถาบันการเงินไม่ได้ ต้องไปกู้ยืมนอกระบบ

นายกรณ์ กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่รัฐบาลจะต้องตอบก็คือ เมื่อรายได้รัฐลดลง แต่รัฐยังเพิ่มการใช้จ่ายทุกปี แล้วรัฐจะมีรายได้จากแหล่งใดมาแทน ถ้าคำตอบคือ ไม่มีแหล่งรายได้ใหม่ ก็หมายความว่ารัฐต้องกู้ยืมเงินเพิ่มเติมใช่หรือไม่ จะมีผลกับประเทศอย่างไร

“ปีนี้รายได้รัฐก็ต่ำกว่าเป้า ในขณะที่การใช้จ่ายโครงการประชานิยมทะลุเป้าเกือบทุกโครงการ หนี้สาธารณะจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รัฐบาลต้องปรับลดค่าใช้จ่ายงบประมาณให้มีความสมดุลมากยิ่งขึ้น” นายกรณ์กล่าว

ทางด้านกรมสรรพากร ได้จัดทำคำชี้แจงแนวทางปฏิบัติการเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากสามีและภรรยา ให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้แยกยื่นภาษีได้ตั้งแต่ปีภาษี 2555 นี้ ซึ่งจะเริ่มมีการยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-30 มี.ค. ของทุกปี

ทั้งนี้ การยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้สามีภรรยา สามารถทำผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ และเก็บหลักฐานการขอหักลดหย่อนภาษีไว้ตามที่ขอหักลดหย่อน เพื่อแสดงต่อกรมสรรพากร กรณีมีการถูกเรียกเอกสารเพิ่มจากการสุ่มตรวจ