บางกอก เชน ฮอสปิทอล เร่งสร้างโรงพยาบาลในเชียงรายเพิ่มอีกหลายแห่ง เชื่อหลังสะพานข้ามโขงแห่งที่ 4 แล้วเสร็จ ปริมาณนักท่องเที่ยวผ่านเส้นทางนี้หนาแน่นขึ้น หนุนบริการคึกขานรับการเปิดเสรีประชาคมอาเซียน พร้อมทุ่ม 1 พันล้านสร้างโรงพยาบาลย่านรามคำแหง คาดเปิดให้บริการได้ปี 58 เผยโรงพยาบาลแห่งใหม่หนุนกำไรให้บริษัท มั่นใจปีนี้รายได้โต 10% หรือ 4,400 ล้านบาท จากปี 54 ที่ทำรายได้ไว้ 3.9 พันล้านบาท
นายแพทย์เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการขยายงาน ด้วยการจะลุยสร้างโรงพยาบาลในจังหวัดเชียงรายเพิ่มขึ้นอีก 4 แห่ง คือ โรงพยาบาลศูนย์แพทย์เฉพาะในอำเภอเมืองเชียงราย บนพื้นที่ 26 ไร่ ขนาด 250-300 เตียง ใช้ทุนประมาณ 120 ล้านบาท และที่แม่สายเป็นโรงพยาบาลขนาด 30 เตียง งบลงทุนไม่น่าจะเกิน 5-6 ล้านบาท หรือเต็มที่ก็ไม่น่าจะเกิน 10 ล้านบาท คาดเริ่มดำเนินการได้ในปี 56
นอกจากนี้ ยังมีที่ดินที่อำเภอเชียงของอีก 5 ไร่กว่า จะสร้างเป็น poly doctor clinic และที่เชียงแสนก็เช่นเดียวกันใช้งบแห่งละไม่สูงมากนัก โดยการสร้างโรงพยาบาลในเชียงรายเพราะหวังให้ผู้ป่วยรอบนอกได้รับการรักษาที่ดี และเชียงรายเป็นเหมือนหน้าด่านที่รองรับนักลงทุน และนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาจากประเทศใกล้เคียง ที่สำคัญ หากเกินกำลังจะรักษาก็ส่งมาให้แก่โรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ และเครื่องมือที่ครบครันในตัวเมืองได้ เป็นการให้บริการทางการแพทย์ลักษณะเชนการให้บริการของบริษัท
“การที่เราไปเน้นเชียงราย ส่วนหนึ่งเพราะเรามีที่ดินซื้อไว้หลายแห่ง และเราต้องการเปิดรับนักท่องเที่ยว และต้อนรับประชาคมอาเซียน หรือ AEC ที่จะมีขึ้น เราก็ต้องมีบริการด้านการแพทย์ที่ดีเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว หรือนักลงทุนที่จะเข้ามาในอนาคต และการให้บริการของเราครบวงจรและมีแพทย์ดูแลในทุกโรค แม้ในส่วนที่เป็นคลินิกแต่เราก็จะมีแพทย์ดูแลครบ ถือเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ป่วยในจังหวัดนั้นครับ”
เนื่องจากขณะนี้สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 จะแล้วเสร็จ รวมทั้งถนนสาย R3A ที่สร้างแล้วเสร็จ ทำให้การเดินทางเชื่อมโยงระหว่างไทย จีน และลาว สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ส่งผลให้การค้าชายแดน หรือแม้แต่การเดินทางท่องเที่ยวก็จะมีมากขึ้นด้วย และนั่นก็หมายถึงหากมีการเจ็บป่วย หรือต้องการรักษาแบบเร่งด่วนผู้ป่วยสามารถเข้ารักษาในโรงพยาบาลที่ใกล้สุดได้อย่างไม่ลำบาก หรืออีกนัยหนึ่งคือ BCH หวังจะมีศูนย์กลางทางการแพทย์ในเขตภาคเหนือให้ครอบคลุม
นอกจากนี้ BCH ยังมีที่ดินรองรับการก่อสร้างโรงพยาบาลอีกแห่งบนถนนรามคำแหง คาดเป็นโรงพยาบาลขนาด 250-300 เตียง และใช้เงินทุนประมาณ 1 พันล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างทำเรื่องเอกสารขอ EIA หรือการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม หากทุกอย่างผ่านความเห็นชอบบริษัทก็จะก่อสร้าง และแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการได้ต้นปี 58
“จากนั้นเราก็จะไปสร้างที่พัทยาอีกแห่งครับเพราะเรามีที่ดินเตรียมไว้แล้ว และอาจต้องหาซื้อที่ดินข้างๆ เพิ่มอีกเพื่อขยายพื้นที่โรงพยาบาล เพื่อรองรับการท่องเที่ยว และหลังการเปิดครับ แต่โครงการนี้คงเป็นรอบต่อไป ตอนนี้เราต้องให้ที่รามคำแหงสร้างแล้วเสร็จ และเปิดดำเนินการก่อน จากนั้นค่อยว่ากันตามสเต็ป แต่ที่แน่ๆ ที่เชียงรายต้องดำเนินการได้ก่อนรามคำแหงครับ แต่ขนาดของโรงพยาบาลในเขตเมืองต้องลงทุนพอสมควร ยังประเมินที่พัทยาไม่ได้ครับ”
นายแพทย์เฉลิมกล่าวถึงการซื้อโรงพยาลบาล เวิลด์เมดิคอลเซ็นเตอร์ (WMC) มูลค่าการลงทุนประมาณ 2,200 ล้านบาท เป็นโรงพยาบาลขนาด 324 เตียง ที่ถนนแจ้งวัฒนะ หวังจะใช้การขยายการบริการเข้าสู่กลุ่มลูกค้าตลาดระดับบน อันจะทำให้รายได้ของบริษัทฯ เพิ่มมากขึ้นในอนาคต และจะเปิดให้บริการปลายปี 55 หรือต้นปี 56 เป็นอย่างช้า คาดเบื้องต้นคาดว่าจะใช้ระยะเวลาคืนทุนใน 6 ปีครึ่้ง
“เราจะใช้เงินทุนหมุนเวียนของเราประมาณ 1,800 ล้านบาท และกู้ในส่วนที่เหลือ เราไม่อยากกู้มากเพราะทุนเราเพียงพอ และถึงจะกู้สัดส่วนของอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E RATIO ) ของเราก็ต่ำมาก ประมาณ 0.4 เท่า ส่วนการลงทุนโรงพยาบาลขนาดเตียงไม่มาก เราก็ใช้ทุนของเราดีกว่าครับ”
สำหรับการที่ BCH เข้าซื้อลงทุนในโรงพยาบาลเขตเมืองใหญ่ๆ นั้น เป็นกลยุทธ์ที่ต้องการจับกลุ่มลูกค้าในแต่ละระดับ กล่าวคือ เวิลด์เมดิคอลเซ็นเตอร์ และเกษมราษฎร์ เน้นลูกค้าระดับบน ส่วนศูนย์การแพทย์เฉพาะทางและโพลีคลินิกต่างๆ นั้นจะเน้นลูกค้าระดับกลาง และทั่วไปที่ต้องการเข้าใช้บริการได้เพื่อเป็นการบริการคนไข้ได้อย่างทั่วถึง และเป็นการกระจายความเสี่ยงในด้านการรับรู้รายได้ให้แก่บริษัทด้วย
นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการเพิ่มรายได้เพื่อให้โตต่อเนื่องตามเป้าหมาย และอีกหนึ่งทางคือ หลังจากที่บริษัทยกเลิกการหนุนโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคไปเมื่อปี 53 พบว่ารายได้บางส่วนหายไป แต่เมื่อปี 54 BCH ก็ได้กลับมาให้บริการนี้ ส่งผลให้ตัวเลขรายได้จากส่วนนี้เข้ามาหนุนอีกทาง ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตได้ต่อเนื่องตามแผน ซึ่งจากผลงานปี 54 บริษัททำรายได้รวมไว้ที่ 3,991.44 ล้านบาท
โดยปีนี้ BCH ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 10% หรือ 4,400 ล้านบาท ซึ่งจากผลงานสองไตรมาสแรกที่ประกาศออกมานั้น ก็เป็นที่พอใจของผู้บริหาร พร้อมยืนยันว่า ผลงานไตรมาส 3 ที่กำลังจะประกาศออกมานี้ก็ยังโตได้ต่อเนื่อง
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้พบว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 238.74 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนมีกำไรสุทธิ 194.86 ล้านบาท 43.88 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 22.51% โดยมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย และภาษี เป็นเงิน 357.8 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาสที่ 3/2554 มีกำไรจากส่วนนี้ 327.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น30.1 ล้านบาท หรือ 9.2%
โดยงวดนี้บริษัทมีรายได้รวม 1,158.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2554 เป็นเงิน 47.3 ล้านบาท คิดเป็น 4.3% ซึ่งแบ่งเป็นรายได้จากผู้ป่วยเงินสดเพิ่มขึ้น 43.8 ล้านบาท หรือ 5.7 % รายได้จากกองทุนประกันสังคมเพิ่มขึ้น28.9 ล้านบาท หรือ 10.2% รายได้จากกองทุนประกันสุขภาพถ้วนหน้าลดลง 20.9 ล้านบาท หรือ 60.3% และรายได้อื่นลดลง 4.5 ล้านบาท หรือ 22.2% ขณะมีค่าใช้จ่ายรวมงวดนี้ 803.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2554 เป็นเงิน 14.6 ล้านบาท คิดเป็น 1.8%
นายแพทย์เฉลิม กล่าวถึงผลงานปี 56 ว่าจะมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 20% เนื่องจากโรงพยาบาลสาขาเดิมทั้ง 6 แห่ง มีการเติบโต ซึ่งทำให้รายได้เติบโต 10% และรับรู้รายได้จากเปิดให้บริการโรงพยาบาลเวิล์ดเมดิคอลเซ็นเตอร์ ในเดือนมกราคม ซึ่งปีแรกจะสร้างรายได้ 600-700 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิปีหน้าคาดว่าจะมีการเติบโตมากกว่าปี 2555 แม้บริษัทจะมีการบันทึกค่าเสื่อมจากลงทุนโรงพยาบาลเวิล์ดเมดิคอลเซ็นเตอร์เข้ามาก็ตาม